วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เตือนภัยกินหมูยอดิบอันตรายอาจถึงตาย


สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 โคราชเตือนภัยกินหมูยอดิบอันตรายอาจถึงตาย เสี่ยงรับสารพิษ Clostridium botulinum แนะควรทำให้สุกก่อนรับประทาน
วันที่ 29 มิ.ย. 53 ที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา นายแพทย์สมชาย ตั้งสุภาชัย ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 (สคร.5) นครราชสีมา กล่าวว่า สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษที่สำคัญ ตั้งแต่เดือน ม.ค.- มิ.ย. 2553 พบว่า มีการเกิดโรคขึ้นรวม 30 เหตุการณ์
ซึ่งเหตุการณ์ที่น่าสนใจมี 2 เหตุการณ์ที่มีสาเหตุสงสัยแตกต่างจากเคยเกิดการระบาดมาคือ 1. สงสัยการระบาดของโรค Botulism ที่ จ.ลำปาง เมื่อเดือน เม.ย. 53 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วย 100 ราย เสียชีวิต 2 ราย โดยสงสัยเกิดจากการรับประทานเนื้อหมูป่า และ 2. สงสัยการระบาดของโรค Botulism ที่ จ.สระบุรี เมื่อเดือน พ.ค. 53 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วย 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยสงสัยรับประทานยำหมูยอ ทำจากหมูยอห่อด้วยพลาสติก ซึ่งซื้อจากรถที่มาเร่ขายตามหมู่บ้าน
นายแพทย์สมชาย กล่าวต่อว่า สถานการณ์การระบาดของโรคอาหารเป็นพิษในพื้นที่เขต 14 ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และสุรินทร์ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย. 2553 พบมีผู้ป่วยจำนวน 5,145 ราย อัตราป่วยทั้งหมดเท่ากับ 77.90 ต่อประชากรแสนคน แบ่งเป็นนครราชสีมา ป่วย 1,549 ราย บุรีรัมย์ ป่วย 1,985 ราย สุรินทร์ ป่วย 976 ราย และ ชัยภูมิ ป่วย 635 ป่วย สำหรับในพื้นที่เขต 14 ยังไม่พบการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษ ที่เกิดจากเชื้อ Clostridium botulinum ซึ่งพบในหน่อไม้ปี๊บ แต่ล่าสุดพบในหมูยอที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
ทั้งนี้ เนื่องจากในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง โดยเฉพาะที่ จ.นครราชสีมา มีการผลิตหมูยอเป็นสินค้าของฝากจำนวนมาก จึงอยากฝากเตือนประชาชนผู้บริโภคว่า ควรเลือกซื้อ หรือไม่รับประทานอาหารที่บรรจุในกระป๋องบวม รวมถึงหมูยอที่ห่อด้วยพลาสติกที่ยังทำสุก และอาหารที่หมดอายุ เพราะในอาหารเหล่านี้จะมีสปอร์ เมื่ออยู่ในภาวะที่ไร้อากาศ และความเป็นด่าง สปอร์จะงอกและผลิตสารพิษ Clostridium botulinum ออกมา หากรับประทานหมูยอที่มีพิษเข้าไปอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากจะรับประทานให้เลือกหมูยอที่ห่อด้วยใบตองจะปลอดภัยกว่า หรือควรนำหมูยอที่หอด้วยพลาสติกไปทำให้สุกร้อนจนเดือดก่อนค่อยนำมารับประทาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น