วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

===> การเกิด SONIC BOOM ของอากาศยาน <===


Sonic Boom คือ เสียงดังเช่นเสียงฟ้าร้อง อันเกิดจากอากาศยานเคลื่อนผ่านอากาศเหนือศีรษะของเรา ด้วยความเร็วสูงกว่าความเร็วของเสียง สาเหตุการเกิด Sonin Boom คลื่นเสียงเกิดจากอากาศถูกกดดัน โดยต้นกำเนิดของเสียง จะกดดันอากาศให้เกิดความไม่สม่ำเสมอกัน (ในกรณีที่เสียงเคลื่อนผ่านอากาศ) โดยความกดดันที่ไม่สม่ำเสมอนี้จะเคลื่อนตัวผ่านอากาศจนกระทั่งมากระทบหูของเรา ซึ่งเราสามารถ sense ความแตกต่างของความกดดันนี้ แล้วแปลออกมาเป็นเสียงในสมองของเรา

เมื่อวัตถุเคลื่อนผ่านอากาศ เช่น เครื่องบินเคลื่อนตัวไปในอากาศ ก็จะดันและแยกอากาศออกเพื่อแทรกตัวเข้าไป โดยอากาศนอกจากจะถูกแยกออกแล้ว ก็ยังต้องไหลกลับไปรวมตัวกันข้างหลังของเครื่องบิน เพื่อแทนที่ลำตัวของเครื่องบินที่ผ่านไปแล้ว การมุดตัวไปในอากาศก็ทำให้เกิดคลื่นรูปกรวยที่แหลมออกที่จมูกของเครื่องบิน โดยส่วนที่เป็นผิวของกรวยนี้แหละที่ก่อตัวเป็นสันคลื่นหรือ Shockwave

หากเครื่องบินเคลื่อนตัวด้วยความเร็วต่ำกว่าเสียง คลื่นเสียงอันเกิดจาก compressed air จาก Shockwave นี้ก็จะกระจายออกไปในทุกทิศทุกทาง เราก็จะได้ยินเสียงกระหึ่ม แต่เมื่อมันเคลื่อนตัวด้วยความเร็วเหนือเสียง ตัวเครื่องบินก็ไล่ทันคลื่นเสียงที่อยู่ข้างหน้า และก่อคลื่นใหม่ตามไป คลื่นพวกนี้ก็อัดซ้อนตัวเสริมกำลังกัน ทำให้มีแรงกดดันมากกว่า noise ธรรมดาจึงเรียกว่า Sonic boom เพราะมันมีกำลังมาก แต่ถ้าเครื่องบิน นั้นบินสูงๆ กว่าคลื่นจะลงมาถึงพื้นมันก็อ่อนตัวลงไปตามระยะทางแล้ว (decay) ทำให้เราได้ยินเป็นเสียงกระหึ่มเท่านั้น คือมันได้หมดกำลังไม่ได้เป็น Sonic boom ไปแล้ว ในทางกลับกัน ถ้าเครื่องบินบินเหนือเสียงใกล้พื้น กำลังของ Sonic boom ก็ยังแรงมาก จนอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชนได้เช่น กระจกแตก จึงมักมีกฏบังคับว่าจะบินเหนือเสียงได้ในเขตใดๆ ให้ห่างไกลจากชุมชน Shockwave จะเกิดขึ้นตามส่วนที่ ยื่นออกจากตัวยานไปตัดกับอากาศ ในขณะเคลื่อนตัว เช่น จมูก, ปีก, สันตามลำตัว, หาง ฯลฯ แต่เมื่อเคลื่อนที่ออกห่างจากตัวไปเรื่อยๆ คลื่นเหล่านี้มักจะผสานกันจนเหลือ Shockwave อยู่สองที่ที่จมูกและหางเท่านั้น ดังนั้น เราก็จะได้ยิน Sonic Boom สองลูกเสมอ แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วเครื่องบินที่ลำไม่ใหญ่นัก ระยะทางระหว่างคลื่นจากหัวและหางก็ไม่ต่างกันนัก เช่นเครื่องบินพวก fighter ขนาดความยาวประมาณ 50 ฟุต นั้นจะมี Sonic boom ห่างกันประมาณ 0.1 วินาที หูของเราไม่อาจแยกแยะได้ ก็ทำให้คิดไปว่าได้ยินเสียงบูมเดียว อย่าง Space Shuttle ความยาว 122 ฟุต Sonic boom จะห่างจากกันครึ่งวินาที ซึ่งหูมนุษย์สามารถแยกแยะได้ว่ามีสองเสียง กำลังของ Sonic boom (intensity) ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง คือ ความเร็ว, เพดานบิน และความอ้วนหรือผอมของเครื่องบิน ฉะนั้น พวก fighter jet ซึ่งลำเรียวเพรียวลม ก็จะทำให้เกิด Sonic boom ที่มีกำลังอ่อนกว่ายาน space shuttle ซึ่งอ้วนล่ำ และหัวหูมู่ทู่ กว่ามาก กำลังของ Sonic boom วัดกันเป็น ปอนด์ต่อตารางฟุต ที่ "เกิน" ไปจากความกดดันอากาศโดยปกติ (lbs/sqft overpressure) คือความดันที่เหนือจาก 2,116 lbs/sqft (อันเป็นความกดดันของบรรยากาศ) ที่เราได้ยินส่วนมากจะมีกำลัง 1-2 ปอนด์/ตร.ฟุต overpressure จากผลการวิจัย ตึกที่อยู่ในสภาพดีสามารถทน Sonic boom ที่มีกำลังถึง 11 lb/sqft overpressure (เรียกสั้นเป็นปอนด์ ก็แล้วกันขี้เกียจพิมพ์แล้ว) ได้โดยไม่เกิดความเสียหายแต่อย่างใด เคยมีคนเจอ Sonic boom ที่มีกำลังถึง 144 ปอนด์โดยไม่มีอะไรเสียหาย จะให้หูหนวกก็ต้องให้มีกำลังถึง 720 ปอนด์ overpressure ไปถึง 2160 ปอนด์ก็จะทำให้ปอดฉีก แต่ว่าเราคงสร้าง Sonicboom ขนาดนั้นได้ยาก จากเครื่องบินจะมี Sonic Boom สองลูกคือ จากหัวลูกหนึ่ง และจากหางลูกหนึ่ง ในรูปนั่นเขาเขียนกรวยไว้อันเดียว เพราะถ้าทำสองอันแล้วมันจะซ้อนกันเห็นไม่ถนัดไม่ใช่ว่ามีลูกเดียวนะ โดยที่เราจะได้ยินครั้งเดียวหรือสองครั้งมันอยู่ที่ว่าเวลาของบูมสองลูกนี้จะห่างกันเท่าไหร่ อันขึ้นอยู่กับความยาวของเครื่องบินเอง
ถามว่า Sonic boom เป็น continuous wave มั้ย ต้องอธิบายอีกหน่อยว่า Sonic boom ลูกหนึ่งจะแผ่ออกตามผนังกรวยที่เห็นในภาพ โดยมันก็จะแผ่กระจายตัวออกมาเรื่อยๆจนกระทบพื้นแล้วก็จะสลายไป ถ้าคุณยืนอยู่ที่จุดๆหนึ่งบนพื้น คุณจะได้ยินเสียงปังเดียว จาก Sonic boom ลูกนั้น เท่านั้น จะได้ยินอีกที ต้องเป็นบูมมาจากลูกใหม่ ไม่ใช่ลูกเดิม แต่ก็เหมือนกับเรือแล่นน้ำไปเรื่อยๆ มันก็จะดันน้ำให้เกิดคลื่นลูกใหม่ ตราบเท่าที่เรือยังแล่นอยู่อย่างนั้น เครื่องบินก็เช่นเดียวกัน ตราบใดที่มันยังบินด้วยความเร็วเหนือเสียงไปเรื่อยๆอยู่อย่างนั้น ก็จะเกิด Sonic boom ลูกใหม่ออกมาไม่ขาดสาย ตามเทคนิคแล้วคงไม่ใช่ continous wave เพราะไม่ได้เป็นคลื่นที่เคลื่อนมาจากอากาศกลุ่มเดียวกัน แต่เป็นคลื่นที่เคลื่อนมาจากอากาศกลุ่มใหม่ สมัยก่อน เค้ากลัวกันมากว่าถ้าบินเร็วกว่าเสียงแล้วเครื่องบินจะแตก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ความกดดันของอากาศจะทวีขึ้นเรื่อยๆเมื่อเร่งความเร็วสูงขึ้น ก็เนื่องมาจากความต้านทานของอากาศ (drag) พอมันถึงระดับความเร็วเสียง ความกดดันอยู่ๆจะเพิ่มทวีคูณ ที่เค้าเรียกว่า maximum dynamic pressure เครื่องบินสมัยก่อนทานไม่ได้ ก็เหมือนบินไปชนกำแพงอะไรสักอย่าง เขาจึงเรียกว่าเป็นกำแพงเสียง แต่จริงๆแล้วไม่มีการข้ามกำแพงอะไรหรอก แต่ว่าต่อมาสักสี่ห้าสิบปีมานี้ งานค้นคว้าวิจัยเจริญขึ้นมาก เข้าใจเรื่องนี้ได้มากขึ้น ก็สามารถสร้างเครื่องบินให้มีโครงสร้างแข็งแรง ทานความกดดันได้มากขึ้น เครื่องบินสมัยใหม่จึงสามารถบิน Supersonic ได้โดยไม่พังทลายลงก่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น