คน เราทุกคนมีความฝัน และต้องการให้ความฝันเป็นความจริงในสักวัน คนทำงานก็มีงานในฝัน เป็นงานที่อยากทำ ถ้าได้ทำคงจะมีความสุขไม่น้อย เพราะคนเราต้องอยู่ในวัยทำงานไปอีกหลายสิบปี ย่อมต้องการงานที่ดีมีความก้าวหน้า มีความมั่นคง ซึ่งมีผลต่อชีวิตยามเกษียณในอนาคตข้างหน้าด้วย ต่อไปนี้เป็นข้อคิดดีๆ สำหรับคนที่ต้องการพิชิตงานในฝันค่ะ
1. รู้จักตัวเอง
กฎของการรู้จักตัวเองคือ การให้เวลากับการประเมินตัวเอง เพื่อสำรวจความสนใจของคุณ ความสามารถของคุณ และค้นหาว่า คุณชอบทำงานแบบไหน เช่น ลองคิดดูว่า หากคุณต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง งานแบบไหนที่คุณจะยอมทำ รวมทั้งให้เวลากับการศึกษาเกี่ยวกับอาชีพและประเภทของธุรกิจที่ตรงกับความ สนใจและทักษะที่คุณมี วิธีที่ดีวิธีหนึ่งในการหาข้อมูลเหล่านี้ คือการเข้าไปในอินเทอร์เน็ต คุณจะพบข้อมูลมากมายที่น่าสนใจ หรือไม่ก็หาโอกาสพูดคุยสอบถามจากคนที่ทำงานในสายงานที่คุณสนใจเพื่อหาข้อมูล เพิ่มเติม หรือมากกว่านั้นคุณอาจจะสมัครเรียนในหลักสูตรต่างๆ เพิ่มเติมเป็นต้น
2. อย่ากลัวว่าไม่มีประสบการณ์ 3. ลงมือทำ 4.เคลื่อนไปข้างหน้า 5. เริ่มต้นให้ไว 6. ค้นหาเป้าหมายของตนเอง คนบางคนโชคดีที่ไปจนถึงความฝัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาอาจพบว่างานในฝันไม่ใช่สิ่งที่สมบูรณ์แบบเสมอไป มันเป็นธรรมชาติของงานทุกงานที่บางครั้งก็ราบรื่นดี บางครั้งก็มีอุปสรรคปัญหามากมายจนทำให้ท้อใจ ต้องเข้าใจว่า งานในฝันอาจไม่ใช่ทุกอย่างที่คุณชอบทำ หลายครั้งที่คุณอาจต้องทำในสิ่งที่คุณไม่ชอบด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าคุณชัดเจนว่านี่คืองานที่คุณรัก คุณใฝ่ฝันที่จะได้ทำมัน และคุณมีความสุขที่ได้ทำ คุณก็จะมีพลังสามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นักศึกษาจบใหม่มักกลัวว่าจะไม่มีใครรับเข้าทำงานเพราะยังไม่มีประสบการณ์การ ทำงาน ความคิดเช่นนี้ไม่ถูกต้องนัก ถึงแม้คุณจะเป็นเด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน แต่ก็ใช่ว่าคุณไม่มีความสามารถเสียหน่อย เรซูเม่ที่ดีจะทำให้นายจ้างรับรู้ถึงความสามารถที่คุณมี ในการเขียนเรซูเม่นั้น แม้ว่าคุณจะไม่มีประสบการณ์การทำงานแต่คุณสามารถระบุได้ว่า คุณมีทักษะและความสามารถอะไรบ้างที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับงานในตำแหน่ง หน้าที่ที่คุณสมัคร และหากคุณได้งานนี้คุณจะใช้ทักษะและความสามารถต่างๆ ของคุณทำอะไรให้กับบริษัทได้บ้าง เช่น คุณมีความรู้ในเรื่องการบริหารจัดการโครงการ มีทักษะในการสื่อสาร และปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า มีความรู้ทางด้านไอที รวมทั้งความสามารถด้านการขาย สิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คุณโดดเด่นกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ที่เป็นนักศึกษาจบใหม่เหมือนๆ กัน
ถ้าคุณรู้สึกชอบหรือสนใจในสิ่งใดๆ ก็ตาม วิธีเดียวที่จะค้นพบว่า นั่นใช่สิ่งที่คุณต้องการจริงๆ หรือไม่ คือการลงมือทำ พิสูจน์มันด้วยตัวคุณเอง เพื่อเรียนรู้ว่าคุณมีความสุขที่ได้ทำสิ่งเหล่านั้นมากน้อยเพียงใด เช่น ลองทำสิ่งนั้นเป็นงานพิเศษนอกเวลางานของคุณ หรือไม่ก็ลงทะเบียนเรียนเพิ่มเติมในวันหยุด ซึ่งอาจจะเป็นหลักสูตรสั้นๆ ก็ได้ การทำเช่นนี้เหมือนกับการที่คุณลองก้าวเท้าเข้าไปข้างหนึ่งเพื่อหยั่งเชิงดู ก่อน หากใช่ก็ก้าวเท้าอีกข้างตามไป แต่หากไม่ใช่ก็เพียงชักเท้ากลับมาเท่านั้นเอง เหนือสิ่งอื่นใด คุณได้รู้จักตัวเองมากขึ้น และรู้จักงานในฝันเพิ่มขึ้นด้วย นี่สิคะที่สำคัญ
คนบางคนยอมทนอยู่กับงานที่ตัวเอง ไม่ชอบทั้งๆ ที่รู้สึกเบื่อหน่ายเต็มทน เพียงเพราะรู้สึกว่าการอยู่เฉยๆ จะทำให้เขาปลอดภัย จริงอยู่การอยู่นิ่งๆ ย่อมไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น แต่มันก็ทำให้คุณล้าหลัง ในขณะที่คนอื่นก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา อย่าชะล่าใจเชียวนะคะ เพราะศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดคือความเฉี่อยชา ถ้าคุณอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย คุณก็จะไม่มีทางเคลื่อนไปสู่เป้าหมายได้ เช่นเดียวกับการพิชิตงานในฝัน คนที่พยายามเคลื่อนไปข้างหน้า เขาจะค่อยๆ เข้าใกล้เป้าหมายทีละน้อย ส่วนคนที่ไม่ทำอะไรเลย ก็จะไม่มีวันไปถึงฝั่งฝันนั้นได้
สำหรับหนุ่มสาววัยทำงานช่วงอายุ 20-30 ปีเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการค้นหาตัวเอง ในช่วงนี้อาจจะลองทำงานหลายๆ แบบ เพื่อตอบตัวเองว่า งานแบบไหนที่ใช่ตัวคุณ งานแบบไหนจะทำให้คุณมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพการงาน รวมถึงการมองเห็นภาพตัวเองในยามเกษียณ ยิ่งคุณเริ่มต้นไว ก็มีโอกาสค้นพบตัวเองได้ไว และเมื่อชัดเจนแล้วว่าคุณต้องการอะไร ทีนี้ก็ใส่เกียร์เดินหน้าล่าฝันกันเลย
ก่อนจะหางานให้พิจารณาที่ความใฝ่ฝัน/เป้าหมายของชีวิตของตัวเองเสียก่อน แล้วจึงมองหางานที่ตรงกับตัวเอง ผู้สมัครบางคนเมื่อถูกถามว่าเป้าหมายในชีวิตคืออะไร หลายคนมักตอบว่ายังไม่ได้คิด บ้างก็อยู่ระหว่างค้นหา บ้างก็ยังมองไม่ออก คำตอบเหล่านี้ ถ้าคุณเป็นนายจ้างคุณจะรับเข้าทำงานหรือไม่ ? คนที่ไม่มีเป้าหมาย ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม เปรียบเสมือนเรือที่ลอยอยู่กลางทะเล ไร้ทิศทาง ซึ่งก็อาจ ไม่มีวันถึงฝั่งก็ได้ ถ้าไม่มีเป้าหมายในชีวิต การตัดสินใจหรือการดำเนินการใด ๆ ก็จะไม่มั่นคง สะเปะสะปะ โลเล หาแน่นอนมิได้ นายจ้างจะฝากงาน ฝากบริษัทให้คนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตดูแลได้นานสักแค่ไหน เดี๋ยวเดียวก็ถูกเหตุการณ์ซัดไปทางโน้นทีทางนี้ที อยู่ได้ไม่นานเพราะไม่มีหลักให้ยึด ที่จริงแล้วหลายบริษัทอาจให้ความสำคัญกับคำถามนี้เป็นอันดับหนึ่งก็ได้ เพราะคนไม่มีเป้าหมายก็มักจะไม่มี Vision เพราะ Vision ที่ชัดเจน จะสร้างเป้าหมายขึ้นมาได้เอง และเหนืออื่นใดการมีเป้าหมาย หมายถึงการมีแรงขับ ถ้าคุณมีแรงขับ ถึงแม้ว่าจะล้มลุกคลุกคลานอย่างไร คุณก็มีโอกาสถึงเป้าหมายได้ ...คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่อยากหรือฝันที่จะยึดอาชีพนั้น ๆ คนที่เก่งแต่ไม่มีเป้าหมาย ถ้าเจออุปสรรคเดี๋ยวก็ถอยหรือเปลี่ยนทิศเพราะขาดหลักยึด ถ้ายึดที่อารมณ์ก็เปลี่ยนได้เสมอแต่ ยึดที่เป้าหมายนั้นเปลี่ยน ยาก ถ้าคุณมีเป้าหมายแล้วก็จะเป็นการง่ายในการกำหนดว่างานไหนควรสมัครและงานไหน ที่อย่าเสียเวลาสมัคร เพราะงานไม่ตรงกับเป้าหมายในชีวิต คุณควรจะศึกษาข้อมูลงาน นั้น ๆ ว่า ส่งเสริมเป้าหมายของชีวิตได้มากขนาดไหน ดูว่า ขอบเขตความรับผิดชอบงาน ,ความท้าทายหรือระบบ การ ทำงาน เป็นอย่างไร เพราะงานนี้อาจจะเป็นพื้นฐานที่จะก้าวไปสู่งานที่คุณใฝ่ฝันในอนาคตก็เป็นได้ นอกจากงานแล้ว คุณยังควรพิจารณาบริษัท โดยดูที่ Vision ของบริษัท , direction ในอนาคต รวมทั้งนโยบายทาง human resources เพราะนโยบายของ human resources นอกจากเป็นตัวแสดงศักยภาพของบริษัทว่ามีความเป็นมืออาชีพมากน้อยแค่ไหน แล้วยังแสดงถึง ความ เอาใจใส่ในการดูแลพนักงานด้วย และถ้าเป้าหมายของชีวิตเข้ากับงานที่สมัคร คุณเองก็จะมีวิธีการ present ตัวเองได้ดีและมีโอกาสถึงชัยชนะ ในที่สุด