วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มท.สรุปสถานการณ์อุทกภัยและภัยหนาว


วันที่ 15 พ.ย. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลิ่มลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิลดลง 1-2 องศา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ในช่วงวันที่ 15-17 พ.ย.นี้ ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกเพิ่มขึ้นกับฝนตกหนักในบางแห่งและคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือด้วย นายวิบูลย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีพื้นที่ซึ่งประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) 13 จังหวัด 174 อำเภอ 1,225 ตำบล 14,260 หมู่บ้าน ภาคเหนือ มี 7 จังหวัด ดังนี้ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน น่าน ลำพูน เชียงราย และเพชรบูรณ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 6 จังหวัด ดังนี้ จ.อุดรธานี สกลนคร เลย ขอนแก่น นครพนม และหนองคาย นายวิบูลย์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์อุทกภัยจนถึงปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 13 จังหวัด 55 อำเภอ 427 ตำบล 2,881 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 234,383 ครัวเรือน 820,941 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าเสียหาย 6,316,156ไร่ ได้แก่ จ.ศรีสะเกษ สุรินทร์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด ชัยนาท สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นนทบุรี และปทุมธานี ยอดตัวเลขผู้เสียชีวิต 152 ราย ส่วนในภาคใต้ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย มี 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง มีผู้เสียชีวิต 72 รวมผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์อุทกภัยทั่วประเทศ 234 ราย นายวิบูลย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ปภ.ได้สั่งการให้ให้ทุกพื้นที่เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม อันเกิดจากสภาวะฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกและคลื่นลมแรงในอ่าวไทย อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม ในระหว่างวันที่ 15-18 พ.ย. และได้ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา เขต18 ภูเก็ต และ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในเขตความรับผิดชอบ โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันต่อเหตุการณ์
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น