
เที่ยวทั่วไทย
ใน 1 วัน
อย่างที่รู้ๆแหละครับว่าเมืองไทยกว้างใหญ่ เที่ยวเท่าไหร่ก็ไม่หมดซักที แต่รับรองครับว่ามาเที่ยวที่เมืองโบราณวันเดียว คุณก็เหมือนเที่ยวได้ทั่วทั้งประเทศครับ เพราะคุณจะเห็นถึงวัฒนธรรมและสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่สำคัญประจำจังหวัด วัดวาอารามต่างๆ หรือแม้แต่ลักษณะการปลูกสร้างเรือนรวมไปถึงวิถีชีวิตของคนไทยในแต่ละภาค เรียกได้ว่ามีรวบรวมเอาไว้ให้คุณได้ชมเกือบทุกภาค ทุกจังหวัดก็ว่าได้ล่ะครับ ตามเรามาดูกันเลยครับ
เมื่อขับรถมาถึงบริเวณด้านหน้าของเมืองโบราณ ถ้าคุณต้องการนำรถขับเข้าไปชมภ
ายในเอง คุณไม่จำเป็นต้องหาที่จอดรถแล้วลงมาซื้อบัตรเข้าชมเองนะครับ ขับไปที่ซื้อบัตรเลยครับ โดยเราไม่ต้องลงจากรถเลย จอดต่อคิวกันไป พอถึงจะมีน้องๆพนักงานมาคอยต้อนรับและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการซื้อบัตรเข้าชมพร้อมทั้งคอยบริการซื้อให้เสร็จสรรพ ซึ่งโดยปกติค่าเข้าชมสำหรับคนไทย ผู้ใหญ่จะอยู่ที่คนละ 100 บาท บวกค่านำรถเข้าไปภายในด้วย คันละ 100 บาทเหมือนกัน
ะมีทั้งแบบธรรมดาและแบบที่มีไกด์ ถ้าใครต้องการทราบข้อมูลของสถานที่ต่างๆในระหว่างเข้าชม ก็เลือกขึ้นรถรางแบบที่มีไกด์คอยให้ข้อมูลก็ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มขึ้นอีกคนละ 100 บาท นายหมูหินเลือกที่จะนำรถเข้าไปครับ เพราะสะดวกและเป็นส่วนตัวดี อยากจะหยุดชมตรงไหน มุมไหน นานแค่ไหนก็ได้ ตามใจเราครับ พอเริ่มขับเข้ามาก็ดูตามแผ่นที่ที่ทางเมืองโบราณเตรียมไว้ให้ แต่ละแห่ง แต่ละที่ ล้วนจำลองมาได้อย่างงดงาม แม้แต่ของที่ระลึกหรือขนมต่างๆที่วางขายกัน ก็ยังเป็นของสมัยโบราณที่อาจจะหายากแล้วในสมัยนี้ ผมแนะนำเลยนะครับสำหรับคุณๆที่นิยมเป็นดาราหน้ากล้อง อย่าลืมเตรียมแบตเตอรี่สำรองเผื่อไว้ด้วย เพราะแบตฯชุดเดียวคงไม่พอแน่ๆสำหรับการถ่ายรูป มีสถานที่มากมายที่จะให้คุณได้ถ่ายพร้อมกับวิวสวยๆ และสถานที่สวยๆ อย่างจุใจเชียวล่ะครับ ส่วนการแต่งกายก็แต่งสวย หล่อ กันตามปกติล่ะครับ แต่ถ้าให้แนะนำ รองเท้าที่ใส่น่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบ หรือเป็นรองเท้าแบบไม่มีส้นจะดีที่สุด เพราะสถานที่ค่อนข้างกว้างจะได้ง่ายและสะดวกต่อการเที่ยวชม อีกอย่างนึงครับ ควรมาเที่ยวที่นี่กันตั้งแต่ตอนเช้า แดดจะได้ไม่แรง หรือไม่อย่างนั้นก็ควรเตรียมร่มหรือหมวกมาด้วยก็ดี เผื่อว่าแดดแรง จะได้มีอุปกรณ์ช่วย อ้อ! สำหรับสาวๆ อย่าลืมทาครีมกันแดดมาเผื่อด้วยก็ดีครับ ขับรถชมสถานที่ต่างๆ และถ่ายรูปมากันเกือบทั้งวัน ถ้าหิวก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะที่นี่มีอาหารและเครื่องดื่มขายตามจุดต่างๆเป็นระยะๆ มีทั้งอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวเหนียว ส้มตำ รวมไปถึงขนมหวาน ไอศครีมโบราณ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ปั่น ชา กาแฟ โอเลี้ยง ฯลฯ แล้วแต่จะเลือกอิ่มกันตามอัธยาศัย ที่สำคัญคือในบางจุดจะได้บรรยากาศของการค้าขายในสมัยก่อน คือยังเป็นตลาดน้ำ ยังพายเรือขายของต่างๆ คุณๆก็จะทานข้าวไปพร้อมกับอิ่มบรรยากาศไปด้วย เหมือนคุณได้กลับไปอยู่ในสมัยก่อนเลยล่ะครับ สำหรับใครที่มากันเป็นครอบครัว มีเด็กเล็กๆมาด้วย ก็ต้องดูแลกันนิดนะครับ เพราะอาจตกน้ำ ตกท่าได้ แต่ก็มีกิจกรรมให้ร่วมกันสนุกสนานได้ด้วยการซื้ออาหารเลี้ยงปลา อันนี้น่าจะถูกใจเด็กๆ เพราะมีปลาเยอะมาก น่าตื่นตา ตื่นใจเชียวครับ เอาล่ะครับ สำหรับใครที่มีเวลาไม่มาก เมืองโบราณจังหวัดสมุทรปราการก็เป็นอีกที่ที่คุณมาแล้วไม่น่าจะผิดหวัง เพราะมาที่นี่วันเดียว เหมือนเที่ยวทั่วเมืองไทย ผมรับรองครับ **บริการพิเศษสำหรับผู้ที่มาเป็นหมู่คณะ รถรางพร้อมมัคคุเทศก์บรรยายภาษาไทย รถรางเหมาคันละ ๕,๒๐๐ บาท สำหรับ ๓๒ ท่าน ต่อคัน รถรางพร้อมมัคคุเทศก์บรรยายภาษาอังกฤษ รถรางเหมาคันละ ๑๒,๐๐๐ บาท สำหรับ ๓๒ ท่าน ต่อคัน**หมายเหตุ อัตราดังกล่าวข้างต้นรวม - บัตรเข้าชม - มัคคุเทศก์ - รถรางนำชม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ ๐-๒๗๐๙-๑๖๔๔-๕,๐-๒๗๐๙-๑๖๔๘



ฟองน้ำเล็กๆไว้ใช้ผัดหน้านั้น ควรจะทำความสะอาดบ่อยๆ เพราะหากไม่ทำความสะอาดจะเกิดเชื้อราขึ้นที่พัฟ และเมื่อนำมาแตะแป้งเพื่อทาหน้าจะเกิดติดเชื้อได้ ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยไม่เคยล้างทำความสะอาดพัฟ และไม่เคยรู้ว่าพัฟที่ตัวเองใช้อยู่เป็นประจำเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค การทำความสะอาดพัฟนั้น ควรจะทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่อ่อน จากนั้นก็นำผึ่งลมรอให้แห้ง ะวังอันตรายจากเครื่องสำอาง นอกจากนี้แล้วยังมีเครื่อง สำอางที่เกี่ยวข้องกับดวงตา อย่างอายแชร์โด อายไลเนอร์ มาสคาร่า หรือแม้กระทั่งครีมบำรุงผิวรอบดวงตา ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ การใช้เครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตา เปลือกตา ขอบตา ซึ่งเป็นผิวหนัง ที่บอบบางควรจะพิถีพิถัน และไม่ควรใช้ของคนอื่นอย่างเด็ดขาด อาจจะติดเชื้อโรคอย่างแบคทีเรียหรือไวรัสได้ แม้กระทั่งที่ดัดขนตา ที่นิยมดัดขนตากันมาก แต่บางคนไม่รู้ตัวว่าตนเองแพ้โลหะ ส่วนอาการที่เกิดจากอาการแพ้และระคายเคือง เมื่อใช้เครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตาหรือเปลือกตา จะเริ่มจากอาการคัน บวม และมีตุ่มน้ำใสๆเกิดขึ้นบริเวณผิวหนังรอบดวงตา หากเกิดอาการดังกล่าวควรจะหยุดใช้เครื่องสำอาง และรีบไปพบแพทย์ทันที อาการแพ้ที่พบในผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมี 2 ลักษณะ “คือ เกิดจากการระคายเคืองจากการสัมผัส ส่วนใหญ่เกิดจากสารเคมีที่มีอยู่ในเครื่องสำอาง และภูมิแพ้สัมผัส เกิดจากปฏิกิริยาอิมมูนที่เกิดจากเม็ดเลือดขาวทำปฏิกิริยากับสารเคมี แต่อาการภูมิแพ้ สัมผัสมิได้เกิดกับทุกคนได้ง่าย ดังนั้น คนที่ใช้เครื่องสำอางต้องรู้เท่าทันและสังเกตตัวเองว่าแพ้อะไร หากมาพบแพทย์ทางผิวหนังจะใช้วิธี Patch test ทดสอบว่าผิวหนังแพ้สารเคมีหรือแพ้โลหะอะไรบ้าง”



