วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เมืองโบราณ/ The Ancient City





*******เมืองโบราณ/ The Ancient City*******







เมืองโบราณ เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุด ในโลก มีพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปี 2506 ตั้งอยู่ใน เขต ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 33.5 ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ห่างจากตัวจังหวัด 8 กิโลเมตร เป็นศูนย์รวมปูชนียสถานที่สำคัญ ๆ ของแต่ละจังหวัด เช่น เขาพระวิหาร ปราสาทหินพนมรุ้ง วัด มหาธาตุสุโขทัยพระพุทธบาทสระบุรี พระธาตุเมืองนคร พระธาตุไชยา ฯลฯ โดยสร้างให้มีขนาดเล็กลงบาง แห่งเท่าแบบจริง การสร้างฝีมือปราณีต นอกจากนั้น ยังเป็นแหล่งรวบรวม ศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้าน ที่นับ วันจะสูญหายไปจากสังคมยุคใหม่ ผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของประเทศไทย จะศึกษาได้จากเมือง โบราณแห่งนี้ การเดินทาง หากไปโดยรถส่วนตัว ใช้ถนนสายบางนา-สมุทรปราการเมื่อถึงหอนาฬิกาให้เลี้ยว ซ้ายไปอีกประ มาณ 8 กิโลเมตร หากไป โดยรถประจำทาง ขึ้นรถ บขส.ชลบุรี (สายเก่า) ที่สถานีขนส่งเอกมัย หรือ ขึ้นรถเมล ์ ขสมก.สาย ปอ.8,ปอ.11 สาย 25,102,119 ลงที่ปากน้ำ แล้วต่อรถเมล์เล็กท้องถิ่นสาย 36 อย่าง ไรก็ตาม พื้นที่เมืองโบราณมีอาณาเขตกว้างขวางมาก หากนำรถส่วนตัวไปเที่ยวชมจะได้รับความสะดวก สบายมากกว่า



เที่ยวทั่วไทย ใน 1 วัน
อย่างที่รู้ๆแหละครับว่าเมืองไทยกว้างใหญ่ เที่ยวเท่าไหร่ก็ไม่หมดซักที แต่รับรองครับว่ามาเที่ยวที่เมืองโบราณวันเดียว คุณก็เหมือนเที่ยวได้ทั่วทั้งประเทศครับ เพราะคุณจะเห็นถึงวัฒนธรรมและสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่สำคัญประจำจังหวัด วัดวาอารามต่างๆ หรือแม้แต่ลักษณะการปลูกสร้างเรือนรวมไปถึงวิถีชีวิตของคนไทยในแต่ละภาค เรียกได้ว่ามีรวบรวมเอาไว้ให้คุณได้ชมเกือบทุกภาค ทุกจังหวัดก็ว่าได้ล่ะครับ ตามเรามาดูกันเลยครับ




เมื่อขับรถมาถึงบริเวณด้านหน้าของเมืองโบราณ ถ้าคุณต้องการนำรถขับเข้าไปชมภายในเอง คุณไม่จำเป็นต้องหาที่จอดรถแล้วลงมาซื้อบัตรเข้าชมเองนะครับ ขับไปที่ซื้อบัตรเลยครับ โดยเราไม่ต้องลงจากรถเลย จอดต่อคิวกันไป พอถึงจะมีน้องๆพนักงานมาคอยต้อนรับและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการซื้อบัตรเข้าชมพร้อมทั้งคอยบริการซื้อให้เสร็จสรรพ ซึ่งโดยปกติค่าเข้าชมสำหรับคนไทย ผู้ใหญ่จะอยู่ที่คนละ 100 บาท บวกค่านำรถเข้าไปภายในด้วย คันละ 100 บาทเหมือนกัน




ส่วนถ้าคนไหนไม่ต้องการนำรถเข้าไป จะเปลี่ยนบรรยากาศเป็นขี่จักรยาน อารมณ์ชิวๆ จะได้ออกกำลังกายไปด้วย ชมวิวและสถานที่ต่างๆไปด้วย ทางเมืองโบราณก็มีบริการให้เช่าจักรยาน หรือบางคนไม่อยากขี่จักรยาน ก็มีรถกอล์ฟเป็นอีกทางเลือกหนึ่งไว้คอยให้บริการเช่นเดียวกัน ส่วนใครที่ต้องการประหยัดหน่อย ก็เลือกเข้าชมแบบที่เป็นรถราง จะเสียค่าเข้าชมเพิ่มอีกเพียงคนละ 80 บาทเท่านั้น แต่รถรางก็จะมีทั้งแบบธรรมดาและแบบที่มีไกด์ ถ้าใครต้องการทราบข้อมูลของสถานที่ต่างๆในระหว่างเข้าชม ก็เลือกขึ้นรถรางแบบที่มีไกด์คอยให้ข้อมูลก็ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มขึ้นอีกคนละ 100 บาท นายหมูหินเลือกที่จะนำรถเข้าไปครับ เพราะสะดวกและเป็นส่วนตัวดี อยากจะหยุดชมตรงไหน มุมไหน นานแค่ไหนก็ได้ ตามใจเราครับ พอเริ่มขับเข้ามาก็ดูตามแผ่นที่ที่ทางเมืองโบราณเตรียมไว้ให้ แต่ละแห่ง แต่ละที่ ล้วนจำลองมาได้อย่างงดงาม แม้แต่ของที่ระลึกหรือขนมต่างๆที่วางขายกัน ก็ยังเป็นของสมัยโบราณที่อาจจะหายากแล้วในสมัยนี้ ผมแนะนำเลยนะครับสำหรับคุณๆที่นิยมเป็นดาราหน้ากล้อง อย่าลืมเตรียมแบตเตอรี่สำรองเผื่อไว้ด้วย เพราะแบตฯชุดเดียวคงไม่พอแน่ๆสำหรับการถ่ายรูป มีสถานที่มากมายที่จะให้คุณได้ถ่ายพร้อมกับวิวสวยๆ และสถานที่สวยๆ อย่างจุใจเชียวล่ะครับ ส่วนการแต่งกายก็แต่งสวย หล่อ กันตามปกติล่ะครับ แต่ถ้าให้แนะนำ รองเท้าที่ใส่น่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบ หรือเป็นรองเท้าแบบไม่มีส้นจะดีที่สุด เพราะสถานที่ค่อนข้างกว้างจะได้ง่ายและสะดวกต่อการเที่ยวชม อีกอย่างนึงครับ ควรมาเที่ยวที่นี่กันตั้งแต่ตอนเช้า แดดจะได้ไม่แรง หรือไม่อย่างนั้นก็ควรเตรียมร่มหรือหมวกมาด้วยก็ดี เผื่อว่าแดดแรง จะได้มีอุปกรณ์ช่วย อ้อ! สำหรับสาวๆ อย่าลืมทาครีมกันแดดมาเผื่อด้วยก็ดีครับ ขับรถชมสถานที่ต่างๆ และถ่ายรูปมากันเกือบทั้งวัน ถ้าหิวก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะที่นี่มีอาหารและเครื่องดื่มขายตามจุดต่างๆเป็นระยะๆ มีทั้งอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวเหนียว ส้มตำ รวมไปถึงขนมหวาน ไอศครีมโบราณ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ปั่น ชา กาแฟ โอเลี้ยง ฯลฯ แล้วแต่จะเลือกอิ่มกันตามอัธยาศัย ที่สำคัญคือในบางจุดจะได้บรรยากาศของการค้าขายในสมัยก่อน คือยังเป็นตลาดน้ำ ยังพายเรือขายของต่างๆ คุณๆก็จะทานข้าวไปพร้อมกับอิ่มบรรยากาศไปด้วย เหมือนคุณได้กลับไปอยู่ในสมัยก่อนเลยล่ะครับ สำหรับใครที่มากันเป็นครอบครัว มีเด็กเล็กๆมาด้วย ก็ต้องดูแลกันนิดนะครับ เพราะอาจตกน้ำ ตกท่าได้ แต่ก็มีกิจกรรมให้ร่วมกันสนุกสนานได้ด้วยการซื้ออาหารเลี้ยงปลา อันนี้น่าจะถูกใจเด็กๆ เพราะมีปลาเยอะมาก น่าตื่นตา ตื่นใจเชียวครับ เอาล่ะครับ สำหรับใครที่มีเวลาไม่มาก เมืองโบราณจังหวัดสมุทรปราการก็เป็นอีกที่ที่คุณมาแล้วไม่น่าจะผิดหวัง เพราะมาที่นี่วันเดียว เหมือนเที่ยวทั่วเมืองไทย ผมรับรองครับ

เส้นทางไปเมืองโบราณ สมุทรปราการ1. รถยนต์ส่วนตัว : ใช้เส้นทางด่วน ปลายทางที่สำโรง-สมุทรปราการ ถึงสามแยกสมุทรปราการ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท (ไปทางบางปู) ประมาณ กม. 33 เมืองโบราณจะอยู่ทางซ้ายมือ 2. รถโดยสารสาธารณะ : ใช้รถโดยสารปรับอากาศ สาย ปอ. 511 (สายใต้ใหม่-ปากน้ำ) ลงที่สุดทางแล้วต่อรถสองแถวสาย 36 ซึ่งจะวิ่งผ่านหน้าทางเข้าเมืองโบราณ

อัตราค่าเข้าชมเมืองโบราณ -ค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไป (คนไทย) ผู้ใหญ่ ท่านละ ๑๐๐ บาท เด็ก ท่านละ ๕๐ บาท -ค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไป (ชาวต่างประเทศ ) ผู้ใหญ่ ท่านละ ๓๐๐ บาท เด็ก ท่านละ ๒๐๐ บาท -บริการรถรางนำชมพร้อมมัคคุเทศก์ (บรรยายไทย) ผู้ใหญ่ ท่านละ +๘๐ บาท เด็ก ท่านละ +๕๐ บาท บริการรถรางนำชมพร้อมมัคคุเทศก์ (บรรยายภาษาอังกฤษ) ผู้ใหญ่ ท่านละ +๑๐๐ บาท เด็ก ท่านละ +๑๐๐ บาท -บริการมัคคุเทศก์นำชมส่วนตัว บรรยายภาษาไทย +๑,๐๐๐ บาท ยายภาษาอังกฤษ +๑,๕๐๐บาท นำรถยนต์ส่วนบุคคล/รถตู้ เข้าไป (ไม่รวมคนขับ) คันละ +๑๐๐ บาท -ค่าเช่ารถจักรยาน (ไม่รวมค่าเข้าชม) - รถจักรยาน ที่นั่งเดียว คันละ +๕๐ บาท - รถจักรยาน สามัคคี ๒ ตอน คันละ +๑๐๐ บาท - รถจักรยาน สามัคคี ๓ ตอน คันละ +๑๕๐ บาท -รถจักรยานนำมาเอง คันละ +๓๐ บาท
**บริการพิเศษสำหรับผู้ที่มาเป็นหมู่คณะ รถรางพร้อมมัคคุเทศก์บรรยายภาษาไทย รถรางเหมาคันละ ๕,๒๐๐ บาท สำหรับ ๓๒ ท่าน ต่อคัน รถรางพร้อมมัคคุเทศก์บรรยายภาษาอังกฤษ รถรางเหมาคันละ ๑๒,๐๐๐ บาท สำหรับ ๓๒ ท่าน ต่อคัน**หมายเหตุ อัตราดังกล่าวข้างต้นรวม - บัตรเข้าชม - มัคคุเทศก์ - รถรางนำชม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ ๐-๒๗๐๙-๑๖๔๔-๕,๐-๒๗๐๙-๑๖๔๘
*************************************************

อากาศวันนี้

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.
ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่จึงขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ลุ่ม ระวังอันตรายจากฝนตกหนักซึ่งอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและ น้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และ อ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือเนื่องจากคลื่นลมในทะเลจะมีกำลังแรงขึ้นในระยะ 3-4 วันนี้
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่บริเวณจังหวัด แม่ฮ่องสอน แพร่ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลกอุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ และตาก ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดขอนแก่น มุกดาหาร ยโสธร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ นครราชสีมา และอุบลราชธานี ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี และราชบุรี ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ภาษาไทย

ภาษาไทย
ภาษาไทย เป็นภาษาราชการของประเทศไทย และภาษาแม่ของชาวไทย และชนเชื้อสายอื่นในประเทศไทย ภาษาไทยเป็นภาษาในกลุ่มภาษาไต ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของตระกูลภาษาไท-กะได สันนิษฐานว่า ภาษาในตระกูลนี้มีถิ่นกำเนิดจากทางตอนใต้ของประเทศจีน และนักภาษาศาสตร์บางท่านเสนอว่า ภาษาไทยน่าจะมีความเชื่อมโยงกับ ตระกูลภาษาออสโตร-เอเชียติก ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ตระกูลภาษาจีน-ทิเบต
ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีระดับเสียงของคำแน่นอนหรือวรรณยุกต์เช่นเดียวกับภาษาจีน และออกเสียงแยกคำต่อคำ เป็นที่ลำบากของชาวต่างชาติเนื่องจาก การออกเสียงวรรณยุกต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคำ และการสะกดคำที่ซับซ้อน นอกจากภาษากลางแล้ว ในประเทศไทยมีการใช้ ภาษาไทยถิ่นอื่นด้วย

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลาว-ไทย น่ารักๆ

ความน่ารัก ของภาษาไทยกับภาษาลาว
ท = ไทย ล = ลาว
สถานที่
ท : ห้อง คลอด ล : ห้องประสูติ
ท : นางผดุง ครรภ์ ล : นางประสูติ
ท : ห้องไอซียู ล : ห้องมรสุม
ท : ปั๊มเชลล์ ล : ปั๊ม หอย
ท : ไฟ แดง ล : ไฟอำนาจ
ท : ไฟเขียว ล : ไฟอิสระ
ท : ถ่ายเอกสาร / ถ่าย สำเนา ล : อัด เอกสาร
ท : ร้านถ่ายรูป ล : ร้านแหกตา (- -'')
ท : ผ้าเย็น ล : ผ้า อนามัย * เห อๆๆ
ท : Johny Walker ล : บักจอน ย่าง * เฮ้ย วันนี้ไปดื่มบัก จอนย่างกัน เว้ย ....
ท : ผู้ชายมีหนวด ล : ผู้ชายปากหมอย
ท : ผ้าอนามัย ล : ผ้ายันต์กันโลหิต
ท : ถุงยางอนามัย ล : ถุงปลิดชีวิต
หรือจะ เป็น ภาพยนตร์ก็มีนะครับ
ท : Superman ล : บักอึดถลาลม
ท : Face Off ล : หน้าข้อยอยู่ปู๊น หน้าเปิ้นอยู่นี่
ท : Speed ล : เบรกบ่อยู่
ท : สองสิงห์ชิงบัลลังก์ ล : สองสิงห์ชิงตั่งนั่ง
ท : รักจริงๆ ให้ดิ้นตาย ล : ฮักคักคัก ชักแงกแงก
ท : โลก ทั้งใบให้นายคนเดียว ล : โลกโม้ดม้วยให้โต๋ผู้ เดียว
ท : หนูน้อย พเนจร ล : บักหำน้อย ตุหรัด ตุเหร่
ท . ไททานิค ล : ชู้รักเรือ ล่ม
ท . ศรราม ออก อัลบั้ม อย่างนี้ต้องตีก้น ล : ศ่อน ฮาม ออกแผงอย่างนี่ต้องตีดากกกกก
ท . ห้องผ่าตัด ล . ห้องปาด
ท . จู ราสสิคปาร์ค ล . กะปอมพยศ
ท . เชื อด เชือด นิ่ม นิ่ม ล . ปาด ปาด เนิบ เนิบ
ท . หลอด ฟลูออเรสเซนส์ ล . ข้าวหลามแจ้ง
ท . รถไฟ ล . ห้องแถว ไหล
มาดูนักกีฬากันบ้าง
ปล่อย ตัวนักวิ่ง 100 เมตร
ท . เข้า ที่ ล . เข้า ซ่อง
ท . ระวัง ล . โก่งดาก
ท . ไป ล .. แล่น

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ประวัติดนตรีไทย

ประวัติดนตรีไทย
ในสมัยกรุงสุโขทัย ดนตรีไทยมีลักษณะเป็นการขับลำนำ และร้องเล่น วรรณคดี "ไตรภูมิพระร่วง" กล่าวถึงเครื่องดนตรี ได้แก่ แตร สังข์ มโหระทึก ฆ้อง กลอง ฉิ่ง แฉ่ง (ฉาบ) บัณเฑาะว์ พิณ ซอ ปี่ไฉน ระฆัง กรับ และกังสดาล
สมัยกรุงศรีอยุธยา มีวงปี่พาทย์ที่ยังคงรูปแบบปี่พาทย์เครื่องห้าเหมือนเช่นสมัยกรุงสุโขทัย แต่เพิ่มระนาดเอกเข้าไป นับแต่นั้นวงปี่พาทย์จึงประกอบด้วย ระนาดเอก ปี่ใน ฆ้องวงใหญ่ กลองทัด ตะโพน ฉิ่ง ส่วนวงมโหรีพัฒนาจากวงมโหรีเครื่องสี่ เป็นมโหรีเครื่องหก เพิ่มขลุ่ย และรำมะนา รวมเป็นมี ซอสามสาย กระจับปี่ ทับ (โทน) รำมะนา ขลุ่ย และกรับพวง
ถึงสมัย
รัตนโกสินทร์ เริ่มจากรัชกาลที่ 1 เพิ่มกลองทัดเข้าวงปี่พาทย์อีก 1 ลูก รวมเป็น 2 ลูก ตัวผู้เสียงสูง ตัวเมียเสียงต่ำ รัชกาลที่ 2 ทรงพระปรีชาสามารถการดนตรี ทรงซอสามสาย คู่พระหัตถ์คือซอสายฟ้าฟาด และทรงพระราชนิพนธ์เพลงไทย บุหลันลอยเลื่อน รัชสมัยนี้เกิดกลองสองหน้าพัฒนามาจากเปิงมางของมอญ พอในรัชกาลที่ 3 พัฒนาเป็นวงปี่พาทย์เครื่องคู่ มีการประดิษฐ์ระนาดทุ้มคู่กับระนาดเอก และฆ้องวงเล็กให้คู่กับฆ้องวงใหญ่
รัชกาลที่ 4 เกิดวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่พร้อมการประดิษฐ์ระนาดเอกเหล็ก และระนาดทุ้มเหล็ก รัชกาลที่ 5 สมเด็จฯ กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ทรงคิดค้นวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ประกอบการแสดงละครดึกดำบรรพ์ ในรัชกาลที่ 6 นำวงดนตรีของมอญเข้าผสมเรียกวงปี่พาทย์มอญโดยหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) มีการนำอังกะลุงเข้ามาเผยแพร่เป็นครั้งแรก และนำเครื่องดนตรีต่างชาติ เช่น ขิม ออร์แกนของฝรั่งมาผสมเป็นวงเครื่องสายผสม

การทดสอบเห็ดพิษ


การทดสอบเห็ดพิษ

การทดสอบเห็ดพิษแบบชาวบ้าน
วิธีการตรวจสอบเห็ดพิษแบบชาวบ้านต่อไปนี้ ถึงแม้จะไม่ถูกต้องนัก แต่ก็จัดว่าเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้าน ที่จะใช้ตรวจสอบว่าเห็ดชนิดไหนรับประทานได้
ชนิดไหนเป็นเห็ดพิษ ซึ่งจะนำมาใช้ได้เป็นบางส่วนหรือในบางโอกาส ดังต่อไปนี้
1. นำข้าวสารมาต้มกับเห็ด ถ้าไม่เป็นพิษข้าวสารจะสุก ถ้าเป็นพิษข้าวสารจะสุกๆ ดิบๆ
2. ใช้ช้อนเงินคนต้มเห็ด ถ้าช้อนเงินกลายเป็นสีดำ จะเป็นเห็ดพิษ
3. ใช้ปูนกินหมากป้ายดอกเห็ด ถ้าเป็นเห็ดพิษจะกลายเป็นสีดำ
4. ใช้หัวหอมต้มกับเห็ด ถ้าเป็นเห็ดพิษจะเป็นสีดำ
5. ใช้มือถูเห็ดจนเป็นรอยแผล ถ้าเป็นพิษรอยแผลนั้นจะเป็นสีดำ แต่เห็ดแชมปิญญองเป็นเห็ดที่รับประทานได้ เมื่อเป็นแผลก็จะเป็นสีดำ
6. ดอกเห็ดที่มีรอยแมลงและสัตว์กัดกิน เห็ดนั้นไม่เป็นพิษ แต่กระต่ายและหอยทากสามารถกินเห็ดพิษได้
7. เห็ดที่เกิดผิดฤดูกาล มักจะเป็นพิษ แต่ในทุกวันนี้สามารถเพาะเห็ดได้ตลอดปี
8. เห็ดพิษมักจะมีสีฉูดฉาด เห็ดรับประทานได้จะมีสีอ่อน
การปฐมพยาบาลผู้ป่วยที่รับประทานเห็ดพิษ
หากพบผู้ป่วยที่รับประทานเห็ดพิษและเกิดอาการพิษขึ้น ควรทำให้ผู้ป่วยอาเจียนโดยเร็ว เพื่อเอาเศษอาหารที่ ตกค้าง ออกมาให้มากที่สุด
หากผู้ป่วยอาเจียนออกยากให้ใช้เกลือแกง 3 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่นดื่มจะทำให้อาเจียนได้ง่ายขึ้น แต่วิธีนี้ห้ามใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ
แล้วให้รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์โดยด่วน พร้อมกับตัวอย่างเห็ดพิษ (หากยังเหลืออยู่) เพื่อให้แพทย์รักษาต่อไป

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552






*-*ดนตรีตะวันตก*-*


จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์สามารถแบ่งยุคประวัติความเป็นมาของดนตรีตะวันตกได้ 6 ยุค ได้แก่ ยุคกลาง ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ยุคบาโรก ยุคคลาสสิค ยุคโรแมนติก และยุคคริสตศตวรรษที่ 20 ตั้งแต่ยุคกลางจนถึงยุคปัจจุบันมีการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ๆ ทางด้านดนตรีตะวันตกเรื่อยมา อาทิ ทฤษฎีดนตรี โครงสร้างของดนตรี เครื่องดนตรีและวงดนตรีมาตรฐาน เทคนิคการเล่นเครื่องแต่ละชนิด การประสานเสียง และการประพันธ์เพลง เป็นต้น 1. ยุคกลาง (The Middle Ages : ค.ศ. 450 - 1450) ดนตรียุคกลางส่วนใหญ่เป็นเพลงร้อง เครื่องดนตรีมีหลายชนิด แต่มีบทบาทเพียงแค่ใช้เล่นคลอประกอบการร้องเท่านั้น จากหลักฐานมีโน๊ตเพลงต้นฉบับเพียง 2 – 3 เพลงเท่านั้นซึ่งเป็นหลักฐานแสดงถึงการประพันธ์เพลงให้กับเครื่องดนตรีบรรเลงเด่นเป็นพิเศษเท่านั้น เมื่อพิจรณาจากภาพเขียนในยุคกลางแล้ว วิเคราะห์ได้ว่ามีการใช้เครื่องดนตรีไม่มากชิ้น คริสต์จักรในยุคกลางยังไม่ให้ความสำคัญกับเครื่องดนตรีมากนัก เพราะถือว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้บรรเลงในการประกอบพิธีกรรมของคนต่างศาสนา ต่อมาประมาณ ค.ศ. 1100 จึงเริ่มมีการใช้เครื่องดนตรีในโบสถ์มากขึ้น โดยใช้ออร์แกน (organ) เป็นหลักในการบรรเลงดนตรีประกอบพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ เพลงร้องในสมัยกลางได้แก่ เพลนซานท์ (plainchant) ออกานุม (organum) โมเทต (motet) และเพลงนอกวัด (secular music) เป็นต้น เพลนซานต์หรือเพลนซอง (plainsong) เป็นเพลงสวดสำหรับร้องในโบสถ์ เป็นเพลงสวดอย่างเป็นทางการของโบสถ์โรมันคาทอลิกมานานกว่า 1,000 ปีในระหว่างยุคกลางต่อมาเพลงสวดแบบนี้รู้จักกันในชื่อเกรกอเรียนซานต์ (Gregorian Chant) เพราะพระสันตะปาปาเกรกอรี 1 (Pope Gregory 1 : ค.ศ. 590 - 604) เป็นผู้รวบรวมจัดหมวดหมู่เพลงสวดเข้าด้วยกัน ถือกันว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่มีคุณค่ายิ่งของดนตรีตะวันตก พระสันตะปาปาเกรกอรีทรงรวบรวมเพลงเพลนซานต์ไว้ในหนังสือปกงาช้าง หลักฐานดังกล่าวปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภันณฑ์คุนสท์ฮิสทอรอสเซส (Kunsthistorishes Museum) เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย เกรกอเรียนซานต์มีลักษณะเป็นดนตรีทำนองเดียว กำกับบทสวดภาษละติน อันศักดิ์สิทธิ์ ขับร้องโดยไม่มีเครื่องดนตรีประกอบแนวทำนองมีช่วงเสียงจำกัดไม่เกินคู่ 5 มีการบันทึกเกรกอเรียนซานต์เป็นโน๊ตเพลงเรียกว่า neumatic notation ออกานุมคือเพลงสวดประเภทที่มีทำนองมากกว่าหนึ่งแนว (polyphony) ชนิดแรกของดนตรีตะวันตก ขั้นแรกถูกพัฒนาใน ค.ศ. 700 – 900 โดยพวกนักบวชได้เพิ่มแนวที่สองลงในเกรกอเรียนซานต์แบบด้นสด (improvisation) แต่มิได้มีการบันทึกไว้เป็นโน๊ต แนวที่เพิ่มเป็นไปในลักษณะคู่ 4 หรือคู่ 5 ขนานไปกับทำนองหลัก ขั้นต่อมาออกานุมได้รับการพัฒนาใน ค.ศ. 900 – 1200 แนวที่เพิ่มเติมขึ้นในเกรกอเรียนชานต์ เป็นแบบอิสระซึ่งเป็นได้ทั้งขนานหรือสวนทางกับทำนองหลักออกานุมในช่วงนี้จึงกลายเป็นดนตรีหลายแนวอย่างแท้จริงและตั้งแต่ ค.ศ. 1100 เพลงสวดในคริสต์ศาสนาเริ่มมีหลากหลายทำนองในเวลาเดียวกัน แต่ละแนวทำนองเป็นอิสระต่อกันทั้งในด้านทำนองและจังหวะ ดนตรีที่มีมากกว่า 1 ทำนองในเวลาเดียวกัน ซึ่งประพันธ์ขึ้นในคริสต์ ศตวรรษที่ 12 – 14 ส่วนใหญ่เป็นผลงานของคีตกวีทางเหนือของฝรั่งเศส ออกานุมที่สมบูรณ์ที่สุดที่เป็นผลงานของสำนักนอตเตรอดาม (Notre Dame School) เพลงสวดของสำนักนี้มีทำนองเสียงยาว ทำหน้าที่เป้นแนวต่ำหรือแนวเทอเนอร์ ส่วนแนวที่เพิ่มเติมจะเป็นโน๊ตเสียงสั้นกระชับสอดประสานกันไปเรียกว่า ดูปลัม (duplum) ทั้ง 2 แนวจะเคลื่อนไปจนถึงจุดที่แนวเทอเนอร์มีโน๊ตสั้นกระชับใกล้เคียงกับดูปลัม จุดนี้เรียกว่าคลอซูลา (clausula) จุดดังกล่าวได้รับการพัฒนาให้เป็นแบบอย่างในการประพันธ์เพลงโมเทตในเวลาต่อมา โมเทตคือเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา พัฒนาโดยนำทำนองมาจาก เพลงเกรกอเรียนชานต์ เป็นแนวเสียงต่ำหรือแนวเทอเนอร์ และเพิ่มแนวทำนองอีก 2 ทำนองที่มีโน๊ตเพลงกระชับกว่าแนวเทอเนอร์ นอกจากนี้ยังมีดนตรีที่คล้ายกับโมเทต คือ กอนดุกตุส (conductus) เกิดขึ้นเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 11 มีทำนอง 2 – 4 แนว แนวเทอเนอร์ถูกประพันธ์ขึ้นใหม่มิได้นำมาจากเกรกอเรียนชานต์ ส่วนเนื้อหาของกอนดุกตุสมีหลากหลาย เช่น เนื้อหาเกี่ยวกับศาสนา การเมือง สังคม และศีลธรรม เป็นต้น เพลงนอกวัด ปรากฏขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 และ 13 โดยกวีในราชสำนักฝรั่งเศส 2 กลุ่ม คือ ทรูบาดูร์ (troubadour) จากทางใต้ของฝรั่งเศสมีกวีที่มีชื่อเสียงคือ กีโยมที่ 9 (Gillaume IX) และทรูแวร์ (trouvere) จากทางเหนือของฝรั่งเศส มีกวีที่มีชื่อเสียงคือ ซาสเตอแลง เดอ เกวอย (Chastelain de Couei) เพลงนอกวัดมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักเป็นส่วนใหญ่นักดนตรีที่ร้องเพลงนอกวัดเรียกว่ามินสเตรล (minstrel) หรือจองเกลอ (jongleurs) นักดนตรีพเนจรเหล่านี้จะเดินทางไปแสดงดนตรีและการละเล่นผาดโผนตามปราสาท ร้านเหล้า โรงเตี๊ยม และจตุรัสกลางเมือง โดยใช้พิณฮาร์ป (harp) เครื่องสายที่ใช้คันชักเรียกว่าลูท (lute) เป็นเครื่องดนตรีประกอบ นักดนตรีมิได้เป็นผู้ประพันธ์เพลงเอง แต่เพลงที่ใช้ร้องถ่ายทอดสดต่อ ๆ กันมาแบบมุขปาฐะ โดยดัดแปลงให้ผิดเพี้ยนไปจากของเดิมบ้าง
fr

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

*-*อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร*-*
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้อความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการใช้รถใช้ถนน เนื่องจากเป็นผลดีต่อทั้งตัวผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทางรอบข้าง แต่ทำไมสถิติการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์จึงเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งเมื่อตัดปัจจัยของการเพิ่มปริมาณรถยนต์
บนท้องถนนที่ทำให้ตัวเลขทางอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้น ความประมาท และการขาดความรู้เรื่องการใช้รถใช้ถนน ก็เป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุย่างไร
''เตือนอยากสวยรแพทย์ผิวหนังร้องเตือนผู้หญิงอยากสวยด้วยเครื่องสำอาง ''ต้องทำความสะอาดฟองน้ำผัดหน้า และควรใช้เป็นส่วนตัว ส่วนเครื่องสำอางใช้กับตายิ่งต้องระวังมากขึ้น หากใช้ปนกับคนอื่นอาจติดเชื้อโรคจากแบคทีเรียหรือไวรัสได้
การใช้เครื่องสำอางของผู้หญิงปัจจุบันว่า อุปกรณ์เครื่องสำอางทุกชิ้นจะต้องสะอาดและควรใช้ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นแป้งฝุ่น แป้งแข็ง แป้งทูเวย์ สำหรับพัฟที่เป็นฟองน้ำเล็กๆไว้ใช้ผัดหน้านั้น ควรจะทำความสะอาดบ่อยๆ เพราะหากไม่ทำความสะอาดจะเกิดเชื้อราขึ้นที่พัฟ และเมื่อนำมาแตะแป้งเพื่อทาหน้าจะเกิดติดเชื้อได้ ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยไม่เคยล้างทำความสะอาดพัฟ และไม่เคยรู้ว่าพัฟที่ตัวเองใช้อยู่เป็นประจำเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค การทำความสะอาดพัฟนั้น ควรจะทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่อ่อน จากนั้นก็นำผึ่งลมรอให้แห้ง ะวังอันตรายจากเครื่องสำอาง นอกจากนี้แล้วยังมีเครื่อง สำอางที่เกี่ยวข้องกับดวงตา อย่างอายแชร์โด อายไลเนอร์ มาสคาร่า หรือแม้กระทั่งครีมบำรุงผิวรอบดวงตา ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ การใช้เครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตา เปลือกตา ขอบตา ซึ่งเป็นผิวหนัง ที่บอบบางควรจะพิถีพิถัน และไม่ควรใช้ของคนอื่นอย่างเด็ดขาด อาจจะติดเชื้อโรคอย่างแบคทีเรียหรือไวรัสได้ แม้กระทั่งที่ดัดขนตา ที่นิยมดัดขนตากันมาก แต่บางคนไม่รู้ตัวว่าตนเองแพ้โลหะ ส่วนอาการที่เกิดจากอาการแพ้และระคายเคือง เมื่อใช้เครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตาหรือเปลือกตา จะเริ่มจากอาการคัน บวม และมีตุ่มน้ำใสๆเกิดขึ้นบริเวณผิวหนังรอบดวงตา หากเกิดอาการดังกล่าวควรจะหยุดใช้เครื่องสำอาง และรีบไปพบแพทย์ทันที อาการแพ้ที่พบในผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมี 2 ลักษณะ “คือ เกิดจากการระคายเคืองจากการสัมผัส ส่วนใหญ่เกิดจากสารเคมีที่มีอยู่ในเครื่องสำอาง และภูมิแพ้สัมผัส เกิดจากปฏิกิริยาอิมมูนที่เกิดจากเม็ดเลือดขาวทำปฏิกิริยากับสารเคมี แต่อาการภูมิแพ้ สัมผัสมิได้เกิดกับทุกคนได้ง่าย ดังนั้น คนที่ใช้เครื่องสำอางต้องรู้เท่าทันและสังเกตตัวเองว่าแพ้อะไร หากมาพบแพทย์ทางผิวหนังจะใช้วิธี Patch test ทดสอบว่าผิวหนังแพ้สารเคมีหรือแพ้โลหะอะไรบ้าง”



***ความเป็นมาของวันแม่***


ชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการขึ้น และผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ในอเมริกา คือ แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จก็ครบ 2 ปีพอดีในปี ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) โดยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้าน หรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว
สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการจัดงานวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2486 ณ.สวนอัมพร โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดงาน แต่เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไปโดยปริยาย หลังจากผ่านพ้นวิกฤติสงครามไปแล้ว หลายหน่วยงานได้พยายามรื้อฟื้นให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง แต่กำหนดวันแม่ที่ประชาชนนิยม และเป็นที่รับรองของรัฐบาล คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 กำหนดงานวันแม่ในวันนี้ยังดำเนินต่อมาอีกหลายปี ก็ต้องมาหยุดชะงักลงอีก ด้วยเหตุผลที่ว่าสภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน ซึ่งก็คือกระทรวงวัฒนธรรมที่ถูกยุบไปนั่นเอง
ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย เห็นว่าควรมีการจัดงานวันแม่ต่อไป จึงได้รื้อฟื้นงานวันแม่ขึ้นมาอีก และได้กำหนดให้จัดงานวันแม่ คือวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวก็เลิกไป จนกระทั่งในปี พ.ศ.2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เห็นว่าควรกำหนดวันแม่ให้แน่นอนเสียที จึงได้กำหนดวันแม่ใหม ่โดยให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ และ กำหนดให้ดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ตั้งแต่นั้นมา
เหตุผลที่ให้ดอกมะลิ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ ก็เนื่องจาก ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย... นักภาษาศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คำว่า "แม่" ของทุก ๆ ภาษา มาจากการออกเสียงของเด็ก โดยคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะริมฝีปากคู่ (Bilabial) ได้แก่ ม , พ , ป ,บ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพยัญชนะชุดแรกที่เด็กสามารถทำเสียงได้ โดยการใช้ริมฝีปากบนและล่าง ดังเช่น
ภาษาไทย แม่
ภาษาจีน ม๊ะ หรือ ม่า
ภาษาฝรั่งเศส la mere (ลา แมร์)
ภาษาอังกฤษ mom , mam
ภาษาโซ่ ม๋เปะ
ภาษามุสลิม มะ
ภาษาไทใต้คง เม
เป็นต้น





"เพรียวพันธ์" ดับเครื่องชน น้ำตาคลอสุดทนถูกนักการเมืองรังแก สกัดไม่ให้รักษา การ ผบ.ตร. ทั้งที่อาวุโสสูงสุด เคยปฏิบัติหน้าที่ราชการแทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาแล้วถึง 22 ครั้ง ลั่นเตรียมฟ้องศาลปกครอง นายกฯท้าให้ฟ้อง อ้างเหมาะสม "วิเชียร" มั่นใจอาวุโสถึง เป็นไปตามกฎหมาย "เทพเทือก" นัดประชุม ก.ตร. ลุ้นรื้อโผ เชื่อถูกต่อต้าน พัชรวาทส่งหลักฐาน ซีดีมัดผู้สั..