ภัยจากอินเทอร์เน็ต
1.ภัยจากการแชทChat คือการพุดคุยกันทางอินเตอร์เนต เราจะเห็นได้ว่าภัยจากอินเตอร์เนตที่เราพบง่ายที่สุด และบ่อยสุดเห็นในข่าวทีวีอยู่เรื่อยๆคือการแชทพูดคุยกันทางเนต ซึ่งอันตรายพอๆไปเดินเล่นสวนเลี้ยงผึ้งเลยก็ว่าได้ เพราะความปลอดภัยนั้นโอกาส50-50 ที่จะเจอคนโรคจิตหรือพวกคิดมิดีมิร้าย โดยเฉพาะผู้หญิง มีโอกาสโดนหลอกมากที่สุด ส่วนมากโปรแกรมแชทจะพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆโดยผู้ผลิตหลายรายที่คิดค้นขึ้น จากพิมพ์ข้อความหากัน พัฒนาขึ้นมาโดยเห็นหน้ากัน พุดคุยกันผ่านไมค์ ตอนนี้หยุดแค่นี้ ในอนาคตคงเห็นหน้าชัดขึ้นความไวในการรับส่งเพิ่มขึ้นตามลำดับ ตามที่ผมได้ศึกษาและพอรู้วงในในเรื่องพวกนี้อีกทั้งได้สัมผัสโดยตรงก็รู้ว่า คนพวกนี้ที่เล่นแชท 1.ไม่ค่อยมีเพื่อน 2.มีปมด้อย 3.อยากหาแฟน 4.เพ้อฝันว่าอาจเจอเรื่องดีๆในเนต 5.โรคจิต 6.แสวงหาผลประโยชน์จากคนที่ไม่รู้ 7.หาความรุ้โดยไม่อยากเสียเงิน 8.เล่นๆไปงั้นแหละเพื่อนบอกให้ลอง ที่กล่าวมานั้นเป็นการยกตัวอย่าง อันตรายของมันมีอยู่ว่า ถ้าให้ความสนิทสนมกับคนที่คุยด้วยโดยที่ไม่เคยเจอไม่เคยพบกันมาก่อน พุดง่ายๆคือไม่รู้ว่าเป็นใครมาก่อนนั้น ถ้าเค้าคิดไม่ดีกับเราก็เข้าทางเค้าทันที เค้าจะจูงเราไปไหนก็ได้ เพราะความเกรงใจเป็นหลัก ความเกรงใจในอินเตอร์เนตนั้นอันตรายมาก เพราะจะทำให้เราโน้มเอียงและหลงไหลได้ วิธีแก้ง่ายๆในการแชทคุยกันผ่านเนต ต้องตัดความเกรงใจออก ถ้าคุณตัดออกได้ก็จะไม่โดนหลอกง่ายๆ
2.ภัยจากเกมส์ออนไลน์ เกมส์ในสมัยก่อนต่างจากในปัจจุบัน คือ มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าการเอาชนะ ทำแบบน่ารักๆ ลับสมองลองปัญญา เล่นได้ทุกเพศทุกวัย เช่น มาริโอ แพคแมน เกมส์แนวๆอวกาศ แข่งรถ และอื่นๆ ในช่วงยุคปี1980-1990นั้นเกมส์ต่างๆในเครื่อง คอนโซลออกมาแข่งกันทั้ง นินเทนโด้ เซก้า และอื่นๆ เนนเทนโด้นั้นผูกขาดตลาดเกมส์มาเป็นเวลานานเป็น10กว่าปี แต่มาโดนยุคปฎิวัติคือยุคดิจิตอลเข้าแทนที่โดยเครื่องเกมส์ของโซนี่ เพลย์สเตชั่น1 จากสีสันที่สวยงาม ภาพ3มิติ ทำให้นินเทนโด้แทบจะเอาตัวไม่รอด ส่วนเซก้านั้น เจ๊งไปตามระเบียบ โซนี่ได้ผลิตเกมส์มากมายอีกทั้งได้ค่ายเกมส์ดังๆจากญี่ปุ่นมากมายป้อนเกมส์ให้ทั้งแนวแอคชั่น แนวรถแข่ง แนวกีฬา วางแผน อื่นๆ ทำให้เกมส์คอลโซน หรือเกมส์ชนิดเครื่องเล่นที่เล่นกับบ้าน ฮิตมากเข้าไปอีก จนกระทั่งคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในบ้านเรา อีกทั้งราคาคอมพิวเตอร์ถูกลงมาก เราจะสังเกตุได้ว่า เมื่อ10-20ปีที่แล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ราคาสูงมากๆ มีแต่คนรวยๆเท่านั้นที่ซื้อได้ แต่ปัจจุบัน ใครก็ซื้อหาได้ เพราะเทคโนโลยีถูกลงมาก กระแสมาแรงของคอมพิวเตอร์มาแรง อีกทั้งเกมสืคอมพิวเตอร์ที่มีกราฟฟิกสวยกว่า ละเอียดกว่า แวกแนวกว่า มาแทนที่ โดยเฉพาะ เกมแนววางแผน เช่น คอมมาน ซิมซิตี้ ซิมชีวิต วอร์คราฟ สตาร์คราฟ อื่นๆ อันนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนอีกจุดหนึ่ง แต่ที่เป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญของวงการเกมส์คอมพิวเตอร์ทั่วโลกนั้นไม่ไช่เกมส์วางแผนการรบ หรือ เกมส์วางแผนอื่นๆ แต่กลับเป็นเกมส์ที่เน้นความรุนแรง ที่ไม่มีค่ายเกมส์ไหนๆทำมาก่อน ต้องยกให้ เกมส์ Half-Life ฮาฟไลฟ์ และเคาร์เตอร์สไตร์ ที่เป็นเกมส์แนว มุมมองบุคคลที่1 คือเห็นแต่มือกับปืน เหมือนกับเราถือปืนเอง ทำให้คนทั้งโลกต้องหันมาเล่นเกมส์นี้ เกมส์นี้เน้นความรุนแรง ความแม่นยำ ความเก่งกาจ ไหวหริบ การเอาตัวรอด การซุ่มโจมตี สารพัดวิธีที่จะใช้ ทำให้สาวกเกมส์เคาร์เตอร์มีอยู่ทั่วโลก เพราะเป็นเกมส์แนวใหมไม่มีใครเหมือน ทำให้เกมส์คอนโซนของโซนี่ต้องกระอักกระแสความมาแรงของคอมพิวเตอร์ ร้านอินเตอร์เนต ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ร้านไหนไม่มีเคาร์เตอร์ คนไม่เข้า ทำให้กระแสของเกมส์คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในวงการเกมส์มากยิ่งขึ้น ต่อมาเกมส์เคาร์เตอร์หรือเกมส์คอมอื่นๆ ชักจะเจื่อนๆ ไม่มีคนเล่นเกมส์สักเท่าไหร่ ผู้พัฒนาได้นำเกมส์แนวใหม่ที่เรียกว่าเกมส์ออนไลน์ จากประเทศเกาหลีมา ซึ่งเกาหลีใต้นั้นไม่มีในประวัติศาสตร์ของการทำเกมส์แนวนี้เลย เกมส์ออนไลน์ที่ว่าได้ถอดแบบมาจากเกมส์ญี่ปุ่นที่ชื่อ ไฟนอลแฟนตาซี ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเกมส์ภาษา หรือ เกมส์ที่กึ่งๆวางแผนนั่นเอง เกาหลีได้นำเกมส์ออนไลน์มาตีตลาดในเมืองไทย ทำให้เด็กไทยบ้าหนักเข้าไปอีก เสียทั้งชั่วโมงเนต ยังเสียค่าเล่นเกมส์ออนไลน์อีก เลยเป็นยุคเข้าสู่เกมส์ออนไลน์ ถามว่าเกมส์ออนไลน์นั้นมีมานานรึยัง ตอบได้เลยว่า มีมานานแล้วแต่ไม่เป็นที่นิยม เพราะเป็นเกมส์ทางฝั่งอเมริกา ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงและยุ่งยาก คนไทยไม่นิยม เกมส์ญี่ปุ่นและฝรั่งเริ่มสู่จุดอิ่มตัว มีแต่นักเล่นเกมส์มือเก่าๆที่บริโภค นักเล่นเกมส์มือใหม่ๆ หันมาเล่นเฉพาะเกมส์ออนไลน์ ทำให้เป็นปัญหาของสังคมในปัจจุบันที่เด็กหันมาเล่นเกมส์ออนไลน์ จุดสำคัญของเกมส์ออนไลน์นั้นแทบจะไม่มีเลย ไม่มีเคลียร์ พูดง่ายๆคือเล่นไม่มีวันจบ ซึ่งตามความคิดผม มันน่าเบื่อมากๆกับเกมส์แบบนี้ เพราะตัวนักเล่นเกมส์เก่าๆจะเน้นที่การเคีลยร์เกมส์นั้นๆเป็นหลัก สร้างความภูมิใจให้ตัวเอง แต่สมัยนี้เกมส์ออนไลน์กลับไม่มีจุดมุ่งหมาย หวังแต่เพียง ใครมีอาวุธ ไอเท็มดีๆ ก็จะถูกยอมรับจากเพื่อนฝูง พุดง่ายๆ แต่งตัวดี เลเวลสูงๆ ไม่มีใครกล้าแหยม ข้อเสียคือ เล่นแล้วติด อยากได้พลังมากๆ เลเวลมากๆ ของใช้มากๆ ทำให้ติดอยากเอาชนะคนอื่น และการที่ได้ข่มคนอื่นอยู่ในทีนั้นเป็นสันดานของมนุษย์อยู่แล้ว ผู้ผลิตเกมสืแนวออนไลน์จึงจับจุดนี้มาเป็นจุดแข็ง สร้างจุดอ่อนให้ผู้เล่น แทนที่ผู้ที่ถูกกระทำจะเป็นตัวละครคอมพิวเตอร์ กลับเป็บตัวละครที่มนุษย์บังคับเอง สร้างความภูมิใจให้กับตัวเองที่ชนะคนอื่นๆ ยกตัวอย่างเกมส์ยิงกันแนวบุคคลที่1 สเปเซียลฟอก เกมส์นี้เคยๆมองๆผ่านๆตา เลียนแบบเคาร์เตอร์สไตร์ แต่เป็นเกมส์ออนไลน์ เวลาเราฆ่าได้มากๆ ยศเราจะเพิ่ม ทำให้มือใหม่ๆที่เข้ามาเล่น เห็นยศ เลเวลเยอะๆกลัว หรือ เป็นการข่มกันในทีว่า ยศสูงกว่าเก่งกว่า คุยข่มกันได้ นี่เป็นอีกจุด ที่ผู้ผลิตยกมาเป็นจุดแข็งในการขายเกมส์ การค้าขายของในเกมส์ออนไลน์ พบบ่อยมากๆ อยากได้ของชิ้นนี้ทำเช่นไร ซื้อมาเลยไม่ต้องเ่ล่น มีทั้งพวกเล่นหาของมาขาย ของในเกมส์นะครับ ไม่ไช่ของจากโลกความจริง เช่น เสื้อเกราะชิ้นนี้ แพง หายาก ใส่แล้วกันเวทย์ได้เยอะ ก็ซื้อกัน ใช้เงินจริงๆ ก็เกิดการนัดซื้อขายกันขึ้น เบี้ยวกันบ้าง หลอกกันบ้าง หลอกไปข่มขืนบ้าง เป็นต้น มีออกอยู่เยอะ ซึ่งถ้ามองในแง่ผู้ใหญ่แล้ว มันงี่เง่ามาก แต่คุณต้องเข้าใจสภาพคนติดเกมส์ชนิดครอบงำ หายใจเข้าเป็นเกมส์ ออกเป็นเกมส์ด้วยนะครับ เหมือนกับยาเสพติดดีๆนี่เอง วิธีแก้ ยาก ต้องให้คนเล่นรู้จักข่มจิตใจตนเองให้ได้ หรือถ้าไม่ได้ เล่นบ่อยๆก็เบื่อเอง หรืออีกวิธีหนึ่งคือ ยิ่งห้ามยิ่งยุ แต่ถ้าไม่ห้ามเลย ลุกหลานท่านอาจเป็นพวกอินเตอร์เนตเต็มตัว คำพูดคำจานั้นไม่เหมือนชาวบ้านพุดกัน แต่อีกวิธีหนึ่ง คือ ลงทุนซื้อเกมส์มาให้เล่นที่บ้าน แล้วกำหนดเวลาเล่น เป็นเวลา ถ้าให้วิธีนี้ได้ผลต้องขึ้นอยู่กับจิตใต้สำนึกของผู้เล่นด้วยนะครับ 3.ภัยจากการท่องเวป อินเตอร์เนตมีสิ่งยั่วยุมากมาย เวปโป๊ เวปขายของ เวปบอร์ด กระดานถาม-ตอบ ดาวโหลด อีเมล์ อื่นๆมากมาย ภัยจากเวปอันดับ1คือการโฆษณาหลอกลวงขายสินค้า สั่งซื้อไปแล้วไม่ได้สินค้า 2.เวปดาวโหลด บางทีโหลดมาแล้วกลับเป็นไวรัส หรือ แค่คลิ๊กเข้าเวปก็โดนแล้ว 3. เวปโป๊ อนาจาร ส่วนมากเวปพวกนี้จะเน้นขายของ จำพวก วีซีดี ของพวกแนวๆผู้ใหญ่ ยาบำรุงกำลัง และสิ่งผิดกฏหมายต่างๆ 4.เวปบอร์ด กระดานถามตอบ อันนี้ภัยน้อยก็มี ไปถึงมาก ถ้าโหลดโปรแกรม จากคนโพสทิ้งไว้มั่วซั่วก็อาจโดนไวรัสได้ง่ายๆ มีการโพสข้อความชวนเชื่อ โกหกบ้าง จริงบ้าง ตามลำดับแล้วแต่จะเห็นด้วยไม่เห็นด้วย 4.อีเมล์ อันนี้ภัยจากอีเมล์ก็มีไวรัส ภาพโป๊ วิธีป้องกันง่ายๆ ถ้ามีเมล์เข้ามาที่เราไม่รู้จัก ก็ให้ลบทิ้งได้เลย 4.แฮกเกอร์(Hacker) อันนี้ยากหน่อยทคนธรรมดาอย่าเราๆี่จะโดนแฮกเว้นแต่ท่านทำธุรกิจหลายล้าน หรือมีข้อมูลทางราชการที่สำคัญ ข้อมูลการเงิน แฮกเกอร์เป็นบุคคลที่มีวิชาความรู้มากในคอมพิวเตอร์ พูดง่ายๆคือวิศวคอมพิวเตอร์นั่นเอง คนที่ดีก็ใช้วิชาในทางที่ดี คนชั่วก็ใช้วิชาในทางโจรๆ เช่น แฮกเงินในธนาคาร บัตรเครดิต ล้วงข้อมูลความลับ ต่างๆ อันนี้คือแฮกเกอร์ที่ทำงานแบบหาเงินในทางผิดกฏหมายนะครับ ส่วนพวกแอกเกอร์ที่ชอบป่วนชาวบ้าน ก็จะทำลายเวปไซค์ ป่วนระบบอินเตอร์เนต ทำลายข้อมูลทางราชการ อื่นๆสารพัด แล้วแต่เค้าจะทำ อีกพวก เก่งแต่ทำตัวดี ช่วยเหลือผู้อื่น หรือทางราชการ เคยได้ยินมาว่า สมัยก่อน ถ้าจับแอกเกอร์ได้ก้จะเอาไปช่วยงานราชการคือ คอยไล่จับพวกแอกเกอร์ด้วยกันเองคือ ใช้โจรจับโจรนั่นแหละครับ ส่วนจริงหรือไม่ ถามกันเอาเอง
วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552
เคล็ดลับ สุขภาพดี ด้วย 18 วิธี ง่ายๆ
เคล็ดลับ สุขภาพดี ด้วย 18 วิธี ง่ายๆ
สุขภาพดีอาจจะหาซื้อไม่ได้แต่เป็นเจ้าของได้แน่นอน ถ้าสาวๆ ทำตามเคล็ดลับเหล่านี้
1. แอปเปิ้ล แตงโม กล้วย กีวีต้องระวังผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้มีประโยชน์มาก แต่ถ้าคุณกำลังทานยาปฏิชีวนะอยู่ ผลไม้พวกนี้จะกลายเป็นโทษทันทีเพราะมันบูดในลำไส้ได้ง่าย อาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบในระบบทางเดินได้ดื
2. ผลไม้กับมื้ออาหารก่อนทานอาหารควรจะเรยีกน้ำย่อยด้วยสับปะรดและมะละกอสัก 2-3 ชิ้น ผลไม้สองชนิดนี้มีเอนไซม์ที่จะช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารมื้อหลักที่กำลังจะตามลงมาได้ง่ายขึ้น และหลังจากจบมื้ออร่อยแล้วควรตบท้ายด้วยแอปเปิ้ลสัก 1 ชิ้นเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลายซึ่งจะทำให้จำนวนแบคทีเรียในช่องปากลดลง และช่วยให้เหงือกแข็งแรงด้วย
3. อย่าปล่อยให้หิวควรจะทานอาหารให้ตรงเวลาทุกวันแม้จะยังไม่รู้สึกหิวก็ตาม เพราะเวลาที่เราหิวร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนควมเครียดออกมา ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำก็จะทำให้คุณกลายเป็นสาวเครียด และนำไปสู่อาการความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือเบาหวาน
4. เนื้อสัตว์กับผลไม้ไม่เข้ากันถ้าทานน้อยๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามื้อไหนคุณทานเนื้อเป็นจำนวนมากแล้วควรจะงดผลไม้ไป เพราะกว่าเนื้อจะย่อยหมดต้องใช้เวลานาน ส่าวนผลไม้ซึ่งย่อยเร็วจะถูกกักอยู่ในกระเพาะ จึงทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้
5. นาฬิกาชีวภาพหลักการสุขภาพดีบอกไว้ว่าเราควรจะเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน แต่ส่วนใหญ่พอถึงคืนวันศุกร์กับวันเสาร์เรามักจะนอนดึกเพราะถือว่าเป็นวันหยุด การทำอย่างนี้จะทำให้ความเคยชินหรือที่เรียกว่าชีวภาพของร่างกายรวรเร จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่วันจันทร์เราจะง่วงนอนกว่าปกติ
6. ความเครียดทำลายผิว ถ้าอยากผิวสวย แก่ช้า ดูอ่อนกว่าวัย สิ่งแรกที่ต้องปรับคือความคิดของตัวเราเอง พยายามคิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี หลีกเลี่ยงความคิดที่ทำให้ตึงเครียด เพื่อไม่ให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกทำลายตัวเราเอง
7. หลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติกเพราะความร้อนรวมทั้งรสชาติเผ็ดเปรี้ยว เค็มจากอาหารสามารถเข้าไปกัดเซาะสารสังเคราะห์ในพลาสติกให้ละลายออกปะปนกับอาหารได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการใช้ภาชนะพลาสติกใส่อาหารเข้าอุ่นในเตาไมโครเวฟยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะเป็นการเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเป็นอย่างมาก
8. อย่าประมาทอาการไอเรื้อรังหลังจากหายหวัดแล้วอาการไออาจจะยังไม่หายไป แต่สาวหลายคนมักจะไม่สนใจเพราะคิดว่าอาการไอเป็นเรื่องชิลๆ แต่ที่จริงอาการไอเรื้อรังร้ายแรงกว่าที่คุณคิด เพราะมันอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะ ที่หมอให้มารักษาอาการหวัดไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ วิธีหยุดอาการไอที่ได้ผลที่สุดคือการดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อลดเสมหะในทางเดินหายใจ และนอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้เต็มที่
9. เท้าและข้อเท้าบวมถ้ามีอาการแบบนี้อย่าปล่อยไว้ เพราะฝ่าเท้าเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย ถ้าบริเวณเท้ามีปัญหาก็จะส่งผลถึงร่างกายทุกส่วน วิธีแก้ไขคือให้นั่งยองๆ ทุกวันๆ ละ 15 นาทีจากนั้นก็ขยับข้อเท้าไปข้างหน้าและข้างหลังเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น หลังจากนั้นใช้แปรงขนนุ่มๆ แปรงผิวหนังเบาๆ โดยเริ่มจากฝ่าเท้าแล้วค่อยๆ ปัดไล่ขึ้นมาที่ข้อเท้า น่อง ต้นขา ท้อง แขนไปจนสุดที่มือทั้งสองข้าง (ยกเว้นผู้ที่เป็นเบาหวานเพราะเสี่ยงจะเกิดบาดแผล) ตบท้ายด้วยการอาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
10. งดเครื่องดื่มคาเฟอีนเครื่องดื่มพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ ปกติก็ไม่ควรดื่มอยู่แล้ว แต่ถ้าบังเอิญคุณเป็นโรคปวดหลัง เครื่องดื่มพวกนี้จะเป็นศัตรูของคุณไปทันที เพราะคาเฟอีนจะไปลดการหลั่งสารเอนโดรฟินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ อาการปวดของคุณก็จะไม่หายหรืออาจจะเป็นมากขึ้นด้วย
11. ดื่มน้ำเร็ว...อันตรายใครๆ ก็บอกว่าควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว แต่ต้องค่อยๆ ดื่มไปตลอดวัน ไม่ใช่ทั้งวันไม่ดื่มเลย แล้วมารวบยอดเอาในครั้งเดียว เพราะการดื่มน้ำปริมาณมากๆ ในครั้งเดียวอาจทำให้เกิดอาการน้ำเป็นพิษเนื่องจากเลือดเจือจาง และอาจทำให้เป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็งตามมา ยิ่งถ้าอาการเกร็งไปเกิดที่สมอง หัวใจ หรือปอด ก็อาจจะทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้
12. แดดอ่อนตอนเช้าแสงแดดยามเช้าจัดว่าเป็นยาตามธรรมชาติที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ นอกจากทำให้กระดูกแข็งแรงแล้วยังทำให้อารมณ์ดี เพราะแดดอ่อนๆ มีวิตามินที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข ออกมาต่อต้านอาการซึมเศร้าในตัวเรา คนที่เดินเล่นรับแดดอ่อนจึงมีหน้าตาเบิกบานกว่าคนที่มัวแต่หลบแดดอยู่ในบ้านมาก
13. เบาหวานอย่าทานไข่ถ้าสมาชิกในครอบครัวคุณคนไหนเป็นเบาหวาน ควรให้เขางดไข่ไปเลย เพราะมีรายงานทางการแพทย์ว่าถ้าคนที่เป็นเบาหวานทานไข่อาทิตย์ละ 1 ฟอง จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากขึ้น
14. อยากผอมต้องน้ำเย็นการดื่มน้ำเย็น 50 ออนซ์ จะช่วยเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 50 แคลอรี ช่วยให้น้ำหนักลดลงปีละ 2.5 กิโลกรัม เพราะเมื่อเราดื่มน้ำเย็นร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำนั้นเปลี่ยนอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิปกติก่อน แล้วจึงนำไปใช้ได้ จึงเป็นการใช้พลังงานมากกว่าเดิม
15. สุขภาพดีทันทีที่ตื่นถ้าอยากดูแลสุขภาพพร้อมกับการเริ่มต้นวันใหม่ ทันทีที่ตื่นนอนสาวๆ ควรผสมน้ำส้มสายชู (ที่หมักจากผลแอปเปิ้ล) กับน้ำผึ้งในสัดส่วนเท่ากัน ใส่น้ำอุ่นนิดหน่อย คนให้เข้ากันแล้วนำมาดื่ม จะช่วยให้การดูดซึมของระบบลำไส้และการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดีตลอดวัน
16. ผู้ชายอย่าพลาดมะเขือเทศสำหรับหนุ่มซ่าที่กำลังเริ่มมีอาการเตะปี๊ปไม่ดังหรือกลัวว่าจะเป็นหมัน มะเขือเทศคือผลไม้ที่คุณจะพลาดไม่ได้ เพราะมะเขือเทศสุกมีสารโคปีนสูงมาก ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้ดี ประสิทธิ์ภาพและสมรรถภาพต่างๆ จึงทำงานได้เป็นปกติ ถ้าผู้ชายทานมะเขือเทศอย่างน้อยอาทิตย์ละ 10 ผลหรือมากกว่านั้น ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็จะน้อยลง 45 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญควรจะทานแบบสุกๆ เช่น ทานเป็นน้ำพริกอ่อง สปาเก็ตตี้ เพราะเวลามะเขือเทศถูกความร้อนมันจะปล่อยสารไลโคปีนออกมามากขึ้น
17. ป้องกันกรดในกระเพาะอาหารสำหรับที่ท้องอืดบ่อย ควรลดปริมาณการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้นอย่างเช่น มะนาว ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุต หรือน้ำมะเขือเทศสดนั่น เพราะน้ำพวกนี้มีกรดมากทำให้ท้องอืด หรือถ้าเสพติดไปแล้วอดไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะทำให้เจือจางลงด้วยการผสมน้ำมากๆ
18. หลบอัลไซเมอร์ด้วยเกมถ้าไม่อยากเป็นอัลไซเมอร์หรือเป็นโรคขี้หลงขี้ลืม สาวๆ ควรจะฝึกสมองด้วยการเล่นเกมที่ต้องใช้สมาธิ เช่น ปริศนาอักษรไขว้ เกมในคอมพิวเตอร์ หรืออาจจะทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิอย่างเรียนดนตรี เล่นหมากรุก เป็นต้น เพราะเกมเหล่านี้จะช่วยให้ระบบประสาททำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ
: อาหารเสริมเพื่อผิวหน้าไร้สิว และรอยสิว ทำให้หน้าใสกิ๊ก สิวอุดตัน
อาหารเสริมเพื่อผิวหน้าไร้สิว และรอยสิว ทำให้หน้าใสกิ๊ก สิวอุดตัน
สุดยอดสารอาหารบำรุงผิว เพื่อผิวที่เปล่งปลั่งดั่งประกายทองแล้วใครๆ ก็ทายอายุคุณไม่ถูกผิวเป็นปราการด่านแรก สำหรับความงามที่สายตาแลเห็น ผิวที่เนียน เรียบ ปราศจาก ฝ้า กระ รอยด่างดำ และ ริ้วรอยเหี่ยวย่น แลดูอ่อนเยาว์ เป็นที่พึงปารถนาสำหรับคนทุกคน NutriPharma® นวัตกรรมอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงาม ขอแนะนำสูตรอาหารบำรุงผิว ที่บำรุงผิวพรรณให้สวยจากภายใน ใสสู่ภายนอก เพื่อความเปล่งปลั่งจากเซลล์ผิวที่อ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอย จนคุณและใครๆ รู้สึกได้ สารออกฤทธิ์ OPC ในสารสกัดจากเมล็ดองุ่น และ เปลือกสน มีที่ใช้ในวงการแพทย์ ประเทศฝรั่งเศส อย่างกว้างขวาง มาตั้งแต่ปี 1951 เนื่องจากพบว่าทำให้อาการของต้อกระจกดีขึ้น หลอดเลือดแข็งแรง และ ยืดหยุ่นมากขึ้น และ ใช้รักษาอาการหลอดเลือดดำผิดปกติต่างๆ เช่น ริดสีดวงทวาร และ เส้นเลือดขอดแต่ผลที่ทำให้ผิวสวยของสาร OPC กลับโดดเด่น เนื่องจากมีผลการวิจัยล่าสุดในปี 2002 (Phytother Res. 2002 Sep;16(6) 567-71) ที่ศูนย์วิจัยของ Xiyuan Hospital ประเทศจีน ในการทำการทดลองกับผู้ที่เป็นฝ้า 30 คน ได้รับสาร OPC วันละ 75 มก. เป็นเวลา 30 วัน พบว่า 80% ของผู้เข้ารับการทดลอง มีขนาดของฝ้าที่เล็กลง และ ฝ้าจางลงด้วย มีรายงานการวิจัยอีกมากมายที่สนับสนุนผลงานวิจัยนี้ ทำให้มีการนำสาร OPC มาใช้ร่วมในการรักษาผู้ที่เป็นฝ้ามากขึ้น ด้วยขนาดรับประทานต่างๆกัน ตั้งแต่ 75 – 100 มก./วันOPC ทำอะไรได้บ้าง นอกจากรักษาฝ้า
• ป้องกันการเสื่อมสลายของเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ในหลากหลายกลไก ตั้งแต่ทำให้เส้นใยคอลลาเจนแข็งแรงขึ้น ปกป้องคอลลาเจนจากอาการอักเสบ และ ติดเชื้อ
• มีรายงานถึงประสิทธิภาพของสาร OPC ในการรักษาโรคเรื้อนกวาง
• ทำให้ขนาดของฝ้าเล็กลง และ ฝ้าจางลง
• เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ป้องกันความเสื่อมของเซลล์ผิว และ นำมาใช้เป็นอาหารเสริมชะลอความชรา และ ป้องกันโรคที่เกิดจากความเสื่อมทุกชนิด
• ลดอาการอักเสบของเนื้อเยื่อ ทำให้มีการใช้ OPC ร่วมในสูตรของสารอาหารรักษาสิว เพื่อลดอาการสิวอักเสบ
• ทำให้หลอดเลือดแข็งแรง และ ยืดหยุ่นมากขึ้น ใช้รับประทานเพื่อป้องกันเส้นเลือดแตก ทำให้อาการต้อกระจก ริดสีดวง และ เส้นเลือดขอดดีขึ้น ใช้ในคนไข้เบาหวาน เพื่อป้องกันจอตาเสื่อมในเบาหวาน
• ปกป้องหัวใจและหลอดเลือด ปรับสมดุลโคเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันหลอดเลือดหัวใจแข็ง ป้องกันเส้นเลือดหัวใจอุดตัน
• ช่วยสมรรถนะทางเพศในชาย ทำให้อสุจิมีชีวิตนานขึ้น และ เคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น ช่วยเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย โดยการเพิ่มปริมาณ Nitric Oxide ในหลอดเลือดแดง (กลไกเดียวกับยากระตุ้นสมรรถนะทางเพศ) ด้วยขนาดรับประทานประมาณ 200 มก./วัน
• ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือน ในขนาดรับประทานประมาณ 60 มก./วัน
• ผลดีต่อสมอง ป้องกันหลอดเลือดฝอยในสมองแตก สาเหตุหลักของการเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ผลการเพิ่ม Nitric Oxide ทำให้ความสามารถในการเรียนรู้ และ ความทรงจำดีขึ้น ทำให้การไหลเวียนเลือดในสมองดีขึ้น และ สารสื่อประสาทมีอายุนานขึ้น จึงนำมาใช้ในการรักษากลุ่มอาการเด็กสมาธิสั้นNutriPharma® ขอแนะนำสูตรสารอาหารเพื่อผิวสวย ที่คงคุณประโยชน์สำคัญของสาร OPC และ มีคุณค่าบำรุงจากสารอื่นๆ ประกอบด้วย
• สาร OPC จากเมล็ดองุ่น และ เปลือกสน ในปริมาณถึง 60 มก. และ สารไลโคปีนจากมะเขือเทศถึง 100 มก. ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสาร OPC และทำให้ผิวทนแดดมากขึ้น
• โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง คุณค่าบำรุงของสารไฟโตเอสโตรเจนจากพืช บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง มีน้ำนวล ดุจผิวพรรณในวัยสาวของสตรี
• สารสกัดจากชาเขียว มีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ และ ต้านอนุมูลอิสระ มีรายงานทางการแพทย์ถึงผลการชะลอความชรา การลดริ้วรอย และ การป้องกันมะเร็งผิวหนัง
• น้ำมันจมูกข้าวสาลี มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์ผิว ชะลอความชรา ช่วยในโรคเรื้อนกวาง และ ผิวหนังอักเสบ มีวิตามินอีสูง
• แร่ธาตุสังกะสี ทองแดง แมงกานีส โดยที่มีแร่ธาตุสังกะสีถึง 75 มก./แคปซูล ซึ่งขนาดแนะนำในการรักษาสิวในวงการแพทย์มีเพียง 50 กรัม ต่อ วัน แร่ธาตุทั้งสามนี้ เป็นวัตถุดิบสำคัญในการสังเคราะห์เอ็นไซม์ SOD สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงภายในเซล เป็นการชะลอความชราของผิวในระดับเซล
• โคเอนไซม์ คิวเทน 10 มก./แคปซูล ให้พลังงานแก่เซลทุกเซล ต้านอนุมูลอิสระ และ ช่วยในการผลัดเซลผิวใหม่
• วิตามินซี และ วิตามินอี บำรุงผิวต้านอนุมูลอิสระ และ ช่วยให้ผิวขาวขึ้น และ ใสขึ้น
• วิตามินบี 2 ช่วยในการซ่อมแซมสภาพผิวที่เสื่อม หรือ ถูกทำลายโดยแสงแดด กระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์ผิว บรรเทาความเครียดของผิวหนังจากการโดนแดด และ สภาพแวดล้อมเป็นพิษ วิธีการรับประทาน เนื่องจากสาร OPC มีคุณสมบัติเฉพาะในการจับตัวกับคอลลาเจนโปรตีนได้ดี จึงควรรับประทานคนละช่วงเวลากับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคอลลาเจนเป็นส่วนผสม เพื่อให้การดูดซึม และ การกระจายตัวของสาร OPC มีประสิทธิภาพสูงสุด ได้ผลดีที่สุดหากรับประทานขณะท้องว่างสารอาหารบำรุงผิว เพื่อผิวที่เปล่งปลั่งดั่งประทายทอง
สุดยอดสารอาหารบำรุงผิว เพื่อผิวที่เปล่งปลั่งดั่งประกายทองแล้วใครๆ ก็ทายอายุคุณไม่ถูกผิวเป็นปราการด่านแรก สำหรับความงามที่สายตาแลเห็น ผิวที่เนียน เรียบ ปราศจาก ฝ้า กระ รอยด่างดำ และ ริ้วรอยเหี่ยวย่น แลดูอ่อนเยาว์ เป็นที่พึงปารถนาสำหรับคนทุกคน NutriPharma® นวัตกรรมอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงาม ขอแนะนำสูตรอาหารบำรุงผิว ที่บำรุงผิวพรรณให้สวยจากภายใน ใสสู่ภายนอก เพื่อความเปล่งปลั่งจากเซลล์ผิวที่อ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอย จนคุณและใครๆ รู้สึกได้ สารออกฤทธิ์ OPC ในสารสกัดจากเมล็ดองุ่น และ เปลือกสน มีที่ใช้ในวงการแพทย์ ประเทศฝรั่งเศส อย่างกว้างขวาง มาตั้งแต่ปี 1951 เนื่องจากพบว่าทำให้อาการของต้อกระจกดีขึ้น หลอดเลือดแข็งแรง และ ยืดหยุ่นมากขึ้น และ ใช้รักษาอาการหลอดเลือดดำผิดปกติต่างๆ เช่น ริดสีดวงทวาร และ เส้นเลือดขอดแต่ผลที่ทำให้ผิวสวยของสาร OPC กลับโดดเด่น เนื่องจากมีผลการวิจัยล่าสุดในปี 2002 (Phytother Res. 2002 Sep;16(6) 567-71) ที่ศูนย์วิจัยของ Xiyuan Hospital ประเทศจีน ในการทำการทดลองกับผู้ที่เป็นฝ้า 30 คน ได้รับสาร OPC วันละ 75 มก. เป็นเวลา 30 วัน พบว่า 80% ของผู้เข้ารับการทดลอง มีขนาดของฝ้าที่เล็กลง และ ฝ้าจางลงด้วย มีรายงานการวิจัยอีกมากมายที่สนับสนุนผลงานวิจัยนี้ ทำให้มีการนำสาร OPC มาใช้ร่วมในการรักษาผู้ที่เป็นฝ้ามากขึ้น ด้วยขนาดรับประทานต่างๆกัน ตั้งแต่ 75 – 100 มก./วันOPC ทำอะไรได้บ้าง นอกจากรักษาฝ้า
• ป้องกันการเสื่อมสลายของเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ในหลากหลายกลไก ตั้งแต่ทำให้เส้นใยคอลลาเจนแข็งแรงขึ้น ปกป้องคอลลาเจนจากอาการอักเสบ และ ติดเชื้อ
• มีรายงานถึงประสิทธิภาพของสาร OPC ในการรักษาโรคเรื้อนกวาง
• ทำให้ขนาดของฝ้าเล็กลง และ ฝ้าจางลง
• เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ป้องกันความเสื่อมของเซลล์ผิว และ นำมาใช้เป็นอาหารเสริมชะลอความชรา และ ป้องกันโรคที่เกิดจากความเสื่อมทุกชนิด
• ลดอาการอักเสบของเนื้อเยื่อ ทำให้มีการใช้ OPC ร่วมในสูตรของสารอาหารรักษาสิว เพื่อลดอาการสิวอักเสบ
• ทำให้หลอดเลือดแข็งแรง และ ยืดหยุ่นมากขึ้น ใช้รับประทานเพื่อป้องกันเส้นเลือดแตก ทำให้อาการต้อกระจก ริดสีดวง และ เส้นเลือดขอดดีขึ้น ใช้ในคนไข้เบาหวาน เพื่อป้องกันจอตาเสื่อมในเบาหวาน
• ปกป้องหัวใจและหลอดเลือด ปรับสมดุลโคเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันหลอดเลือดหัวใจแข็ง ป้องกันเส้นเลือดหัวใจอุดตัน
• ช่วยสมรรถนะทางเพศในชาย ทำให้อสุจิมีชีวิตนานขึ้น และ เคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น ช่วยเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย โดยการเพิ่มปริมาณ Nitric Oxide ในหลอดเลือดแดง (กลไกเดียวกับยากระตุ้นสมรรถนะทางเพศ) ด้วยขนาดรับประทานประมาณ 200 มก./วัน
• ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือน ในขนาดรับประทานประมาณ 60 มก./วัน
• ผลดีต่อสมอง ป้องกันหลอดเลือดฝอยในสมองแตก สาเหตุหลักของการเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ผลการเพิ่ม Nitric Oxide ทำให้ความสามารถในการเรียนรู้ และ ความทรงจำดีขึ้น ทำให้การไหลเวียนเลือดในสมองดีขึ้น และ สารสื่อประสาทมีอายุนานขึ้น จึงนำมาใช้ในการรักษากลุ่มอาการเด็กสมาธิสั้นNutriPharma® ขอแนะนำสูตรสารอาหารเพื่อผิวสวย ที่คงคุณประโยชน์สำคัญของสาร OPC และ มีคุณค่าบำรุงจากสารอื่นๆ ประกอบด้วย
• สาร OPC จากเมล็ดองุ่น และ เปลือกสน ในปริมาณถึง 60 มก. และ สารไลโคปีนจากมะเขือเทศถึง 100 มก. ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสาร OPC และทำให้ผิวทนแดดมากขึ้น
• โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง คุณค่าบำรุงของสารไฟโตเอสโตรเจนจากพืช บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง มีน้ำนวล ดุจผิวพรรณในวัยสาวของสตรี
• สารสกัดจากชาเขียว มีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ และ ต้านอนุมูลอิสระ มีรายงานทางการแพทย์ถึงผลการชะลอความชรา การลดริ้วรอย และ การป้องกันมะเร็งผิวหนัง
• น้ำมันจมูกข้าวสาลี มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์ผิว ชะลอความชรา ช่วยในโรคเรื้อนกวาง และ ผิวหนังอักเสบ มีวิตามินอีสูง
• แร่ธาตุสังกะสี ทองแดง แมงกานีส โดยที่มีแร่ธาตุสังกะสีถึง 75 มก./แคปซูล ซึ่งขนาดแนะนำในการรักษาสิวในวงการแพทย์มีเพียง 50 กรัม ต่อ วัน แร่ธาตุทั้งสามนี้ เป็นวัตถุดิบสำคัญในการสังเคราะห์เอ็นไซม์ SOD สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงภายในเซล เป็นการชะลอความชราของผิวในระดับเซล
• โคเอนไซม์ คิวเทน 10 มก./แคปซูล ให้พลังงานแก่เซลทุกเซล ต้านอนุมูลอิสระ และ ช่วยในการผลัดเซลผิวใหม่
• วิตามินซี และ วิตามินอี บำรุงผิวต้านอนุมูลอิสระ และ ช่วยให้ผิวขาวขึ้น และ ใสขึ้น
• วิตามินบี 2 ช่วยในการซ่อมแซมสภาพผิวที่เสื่อม หรือ ถูกทำลายโดยแสงแดด กระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์ผิว บรรเทาความเครียดของผิวหนังจากการโดนแดด และ สภาพแวดล้อมเป็นพิษ วิธีการรับประทาน เนื่องจากสาร OPC มีคุณสมบัติเฉพาะในการจับตัวกับคอลลาเจนโปรตีนได้ดี จึงควรรับประทานคนละช่วงเวลากับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคอลลาเจนเป็นส่วนผสม เพื่อให้การดูดซึม และ การกระจายตัวของสาร OPC มีประสิทธิภาพสูงสุด ได้ผลดีที่สุดหากรับประทานขณะท้องว่างสารอาหารบำรุงผิว เพื่อผิวที่เปล่งปลั่งดั่งประทายทอง
วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552
ความงามในถุงชา
ความงามในถุงชา
ถ้าคุณชอบอ่านส่วนประกอบบนฉลากผลิตภัณฑ์ อาจสังเกตเห็นสารสกัดจากชาปรากฏในส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์หลากหลายยี่ห้อ และคงสงสัยว่าทำไมต้องมีส่วนผสมของชา ชาประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (อนุมูลอิสระเป็นสาเหตุหลักของเซลล์เสื่อมสภาพก่อนวัย) ชาเขียวโดดเด่นด้านสารต้านอนุมูลอิสระยิ่งกว่าชาจีน จากการศึกษาพบว่า ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ภายใน 30 นาทีหลังจากดื่มชาจีนอุ่นๆ และสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะยิ่งคงประสิทธิภาพไปอีก 50 นาทีก่อนจะเข้าสู่ระดับปกติ จึงเริ่มมีการแนะนำให้ดื่มชาเพื่อหวังผลด้านชะลอภาวะแก่ก่อนวัยของเซลล์ในร่างกาย และใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงเพื่อหวังผลด้านสลายอนุมูลอิสระ คุณเองก็สามารถนำชามาช่วยดูแลผิว ริมฝีปากลอก ใช้ถุงชาที่ยังอุ่นจางๆ จากการแช่น้ำร้อน เช็ดริมฝีปากที่ลอกเป็นขุย ทาลิปสติกแล้วไม่เรียบเนียน ผิวที่เป็นขุยจะหลุดออกอย่างง่ายดาย กำจัดผิวหมอง สูตรนี้คุณอรอนงค์ ปัญญาวงศ์ เปิดเผยในงานเปิดตัวสบู่สมุนไพร “โพรเทคส์ เฮอร์เปิ้ล” ที่เธอนำมาใช้พอกผิวกายอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนผสม ชาเขียว 1 ช้อนชา, กลีบดอกดาวเรือง 1 ช้อนชา, ขมิ้นชัน ½ ช้อนชา, ตะไคร้ ½ ช้อนชา นำส่วนผสมทั้งหมดปั่นให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำมันงา 2 ช้อนชา ทาพอกผิวทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้ว ค่อยขัดออกเบาๆ ก่อนอาบน้ำ แช่เท้าในน้ำชา วันไหนรู้สึกเดินจนล้าไปทั้งฝ่าเท้า ตักชาเขียว 4 ช้อนโต๊ะหรือจะโยนชาเขียว 5 ซองชงก็ได้ลงในน้ำร้อน ทิ้งไว้ให้ชาละลาย 10 นาที ก่อนแช่เท้าลงในน้ำที่กำลังอุ่น 15 นาที เป็นช่วงที่รู้สึกสบายที่สุด ชาจะทำหน้าที่คล้ายโลชั่นกระชับและทำความสะอาดเท้าพร้อมทั้งระงับกลิ่น (บางคนนอนแช่น้ำชาเพื่อระงับกลิ่นตัว) จากนั้นโยนใบสะระแหน่สุดๆ ลงในน้ำที่แช่เท้า ขยี้ใบสะระแหน่ตามนิ้วเท้า ยกเท้าขึ้นจากน้ำแล้วห่อด้วยผ้าเช็ดตัวอุ่นๆ (ที่คุณใช้ไดร์ร้อนเป่าไว้) คืนนั้นคุณจะหลักสบายปลอบผิวแดดเผา ผิวตากแดดนานๆ รู้สึกผิวร้อนผ่าว อย่าเพิ่งลงครีมบำรุงผิวเนื้อข้นๆ ขณะนั้นผิวต้องการระบายความร้อนที่ได้รับออก ครีมบำรุงจะไปปิดผิวไม่ให้ความร้อนในเซลล์ระบายออก ไม่ต่างอะไรกับอบผิวในเตาอบ ผสมข้าวโอ๊ตบด 1 ถ้วยลงในน้ำชาเขียวร้อนๆ 1 ถ้วย กับแตงกวาสับละเอียด (ส่วนผสมจะช่วยระงับอาการแดงและอักเสบ) เติมน้ำผึ้งลง 4 ช้อนโต๊ะเพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นแช่ส่วนผสมดังกล่าวในตู้เย็น 1 ชั่วโมง ก่อนนำมาทาผิวที่ถูกแดดเผา คลุมด้วยผ้าชุบน้ำเย็นๆ 10 นาทีแล้วล้างออก
วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552
โลกร้อน
ปรากฏการณ์โลกร้อน
ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา นับถึง พ.ศ. 2548 อากาศใกล้ผิวดินทั่วโลกโดยเฉลี่ยมีค่าสูงขึ้น 0.74 ± 0.18 องศาเซลเซียส ซึ่งคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) ของสหประชาชาติได้สรุปไว้ว่า “จากการสังเกตการณ์การเพิ่มอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 (ประมาณตั้งแต่ พ.ศ. 2490) ค่อนข้างแน่ชัดว่าเกิดจากการเพิ่มความเข้มของแก๊สเรือนกระจกที่เกิดขึ้นโดยกิจกรรมของมนุษย์ที่เป็นผลในรูปของปรากฏการณ์เรือนกระจก” ปรากฏการณ์ธรรมชาติบางอย่าง เช่น ความผันแปรของการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์และการระเบิดของภูเขาไฟ อาจส่งผลเพียงเล็กน้อยต่อการเพิ่มอุณหภูมิในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมจนถึง พ.ศ. 2490 และมีผลเพียงเล็กน้อยต่อการลดอุณหภูมิหลังจากปี 2490 เป็นต้นมาข้อสรุปพื้นฐานดังกล่าวนี้ได้รับการรับรองโดยสมาคมและสถาบันการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่น้อยกว่า 30 แห่ง รวมทั้งราชสมาคมทางวิทยาศาสตร์ระดับชาติที่สำคัญของประเทศอุตสาหกรรมต่างๆ แม้นักวิทยาศาสตร์บางคนจะมีความเห็นโต้แย้งกับข้อสรุปของ IPCC อยู่บ้าง แต่เสียงส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลกโดยตรงเห็นด้วยกับข้อสรุปนี้
แบบจำลองการคาดคะเนภูมิอากาศที่สรุปโดย IPCC บ่งชี้ว่าอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยที่ผิวโลกจะเพิ่มขึ้น 1.1 ถึง 6.4 องศาเซลเซียส ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 21 (พ.ศ. 2544–2643) [1] ค่าตัวเลขดังกล่าวได้มาจากการจำลองสถานการณ์แบบต่างๆ ของการแผ่ขยายแก๊สเรือนกระจกในอนาคต รวมถึงการจำลองค่าความไวภูมิอากาศอีกหลากหลายรูปแบบ แม้การศึกษาเกือบทั้งหมดจะมุ่งไปที่ช่วงเวลาถึงเพียงปี พ.ศ. 2643 แต่ความร้อนจะยังคงเพิ่มขึ้นและระดับน้ำทะเลก็จะสูงขึ้นต่อเนื่องไปอีกหลายสหัสวรรษ แม้ว่าระดับของแก๊สเรือนกระจกจะเข้าสู่ภาวะเสถียรแล้วก็ตาม การที่อุณหภูมิและระดับน้ำทะเลเข้าสู่สภาวะดุลยภาพได้ช้าเป็นเหตุมาจากความจุความร้อนของน้ำในมหาสมุทรซึ่งมีค่าสูงมาก
การที่อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และคาดว่าทำให้เกิดภาวะลมฟ้าอากาศสุดโต่ง (extreme weather) ที่รุนแรงมากขึ้น ปริมาณและรูปแบบการเกิดหยาดน้ำฟ้าจะเปลี่ยนแปลงไป ผลกระทบอื่นๆ ของปรากฏการณ์โลกร้อนได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของผลิตผลทางเกษตร การเคลื่อนถอยของธารน้ำแข็ง การสูญพันธุ์พืช-สัตว์ต่างๆ รวมทั้งการกลายพันธุ์และแพร่ขยายโรคต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนทางวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง ได้แก่ปริมาณของความร้อนที่คาดว่าจะเพิ่มในอนาคต ผลของความร้อนที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบอื่นๆ ที่จะเกิดกับแต่ละภูมิภาคบนโลกว่าจะแตกต่างกันอย่างไร รัฐบาลของประเทศต่างๆ แทบทุกประเทศได้ลงนามและให้สัตยาบันในพิธีสารเกียวโต ซึ่งมุ่งประเด็นไปที่การลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก แต่ยังคงมีการโต้เถียงกันทางการเมืองและการโต้วาทีสาธารณะไปทั่วทั้งโลกเกี่ยวกับมาตรการว่าควรเป็นอย่างไร จึงจะลดหรือย้อนกลับความร้อนที่เพิ่มขึ้นของโลกในอนาคต หรือจะปรับตัวกันอย่างไรต่อผลกระทบของปรากฏการณ์โลกร้อนที่คาดว่าจะต้องเกิดขึ้น
ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา นับถึง พ.ศ. 2548 อากาศใกล้ผิวดินทั่วโลกโดยเฉลี่ยมีค่าสูงขึ้น 0.74 ± 0.18 องศาเซลเซียส ซึ่งคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) ของสหประชาชาติได้สรุปไว้ว่า “จากการสังเกตการณ์การเพิ่มอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 (ประมาณตั้งแต่ พ.ศ. 2490) ค่อนข้างแน่ชัดว่าเกิดจากการเพิ่มความเข้มของแก๊สเรือนกระจกที่เกิดขึ้นโดยกิจกรรมของมนุษย์ที่เป็นผลในรูปของปรากฏการณ์เรือนกระจก” ปรากฏการณ์ธรรมชาติบางอย่าง เช่น ความผันแปรของการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์และการระเบิดของภูเขาไฟ อาจส่งผลเพียงเล็กน้อยต่อการเพิ่มอุณหภูมิในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมจนถึง พ.ศ. 2490 และมีผลเพียงเล็กน้อยต่อการลดอุณหภูมิหลังจากปี 2490 เป็นต้นมาข้อสรุปพื้นฐานดังกล่าวนี้ได้รับการรับรองโดยสมาคมและสถาบันการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่น้อยกว่า 30 แห่ง รวมทั้งราชสมาคมทางวิทยาศาสตร์ระดับชาติที่สำคัญของประเทศอุตสาหกรรมต่างๆ แม้นักวิทยาศาสตร์บางคนจะมีความเห็นโต้แย้งกับข้อสรุปของ IPCC อยู่บ้าง แต่เสียงส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลกโดยตรงเห็นด้วยกับข้อสรุปนี้
แบบจำลองการคาดคะเนภูมิอากาศที่สรุปโดย IPCC บ่งชี้ว่าอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยที่ผิวโลกจะเพิ่มขึ้น 1.1 ถึง 6.4 องศาเซลเซียส ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 21 (พ.ศ. 2544–2643) [1] ค่าตัวเลขดังกล่าวได้มาจากการจำลองสถานการณ์แบบต่างๆ ของการแผ่ขยายแก๊สเรือนกระจกในอนาคต รวมถึงการจำลองค่าความไวภูมิอากาศอีกหลากหลายรูปแบบ แม้การศึกษาเกือบทั้งหมดจะมุ่งไปที่ช่วงเวลาถึงเพียงปี พ.ศ. 2643 แต่ความร้อนจะยังคงเพิ่มขึ้นและระดับน้ำทะเลก็จะสูงขึ้นต่อเนื่องไปอีกหลายสหัสวรรษ แม้ว่าระดับของแก๊สเรือนกระจกจะเข้าสู่ภาวะเสถียรแล้วก็ตาม การที่อุณหภูมิและระดับน้ำทะเลเข้าสู่สภาวะดุลยภาพได้ช้าเป็นเหตุมาจากความจุความร้อนของน้ำในมหาสมุทรซึ่งมีค่าสูงมาก
การที่อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และคาดว่าทำให้เกิดภาวะลมฟ้าอากาศสุดโต่ง (extreme weather) ที่รุนแรงมากขึ้น ปริมาณและรูปแบบการเกิดหยาดน้ำฟ้าจะเปลี่ยนแปลงไป ผลกระทบอื่นๆ ของปรากฏการณ์โลกร้อนได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของผลิตผลทางเกษตร การเคลื่อนถอยของธารน้ำแข็ง การสูญพันธุ์พืช-สัตว์ต่างๆ รวมทั้งการกลายพันธุ์และแพร่ขยายโรคต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนทางวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง ได้แก่ปริมาณของความร้อนที่คาดว่าจะเพิ่มในอนาคต ผลของความร้อนที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบอื่นๆ ที่จะเกิดกับแต่ละภูมิภาคบนโลกว่าจะแตกต่างกันอย่างไร รัฐบาลของประเทศต่างๆ แทบทุกประเทศได้ลงนามและให้สัตยาบันในพิธีสารเกียวโต ซึ่งมุ่งประเด็นไปที่การลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก แต่ยังคงมีการโต้เถียงกันทางการเมืองและการโต้วาทีสาธารณะไปทั่วทั้งโลกเกี่ยวกับมาตรการว่าควรเป็นอย่างไร จึงจะลดหรือย้อนกลับความร้อนที่เพิ่มขึ้นของโลกในอนาคต หรือจะปรับตัวกันอย่างไรต่อผลกระทบของปรากฏการณ์โลกร้อนที่คาดว่าจะต้องเกิดขึ้น
วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552
เวียนนา
กรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรียเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า แสนโรแมนติกเมืองหนึ่งของโลก เมื่อไหร่ได้ไปเยือนต้องไม่พลาดชมพระราชวังเชินบรุนน์ เป็นสถานที่สำคัญทาง ประวัติศาสตร์ หรือไปเที่ยวสนามเด็กเล่น "แพรเท่อร์" อันมีชื่อเสียงเพราะมีชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ ใหญ่ที่สุดของโลก หรือชมจตุรัสวีรบุรุษเบลวีเดียร์ที่งดงาม นั่งสามล้อทัวร์ทั่ว กรุงเวียนนา นั่งเรือล่องแม่น้ำดานูบประเทศออสเตรียยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งดนตรีคลาสสิก อมตะของโลก ซึ่งนักแต่งเพลงคลาสสิกไม่ว่าจะเป็น บีโธเฟ่น โมสาร์ท, ชูเบอร์ก, บราห์ม หรือ โยฮัน สเตราส์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)