วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

น้ำทับทิม’ ป้องกันสมองเสื่อม


‘มุมสุขภาพ-กินดี’ สรรหาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาปิดท้ายให้เข้าธีมของสัปดาห์ที่ว่ากันถึง ‘อาการสมองเสื่อม’ ซึ่งสามารถป้องกันด้วย ‘ทับทิม’ ผลไม้มากคุณค่า สีสันสวยงาม โดยคุณพล ตัณฑเสถียร ฟู้ดสไตลิสต์คนดัง สร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มแก้วเก๋ ชื่อ ‘Red Shooter’… ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณป้องกัน อาการหลง ๆ ลืม ๆ ทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณ ในส่วนของเมล็ดยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระตัวการก่อมะเร็ง นอก จากทับทิมแล้ว เครื่องดื่มแก้วนี้ยังต้องการส่วนผสมเพื่อเพิ่มคุณค่าเข้าไปอีก มีทั้งแตงโม มะนาว ส้ม และสับปะรด ที่เปี่ยมไปด้วยวิตามินซี ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และทำให้แผลหายเร็วอีกด้วย

สรุปส่วน ผสมที่ต้องเตรียม คือ....

  • ทับทิม
  • แตงโม
  • มะนาว
  • ส้ม
  • สับปะรด


ขั้นตอนในการทำ เริ่มจากการแกะเมล็ดทับทิมออกจากผล แล้วใส่รวมกันในผ้าขาวบาง บีบคั้นเอาแต่น้ำ ส่วนผลไม้ชนิดอื่นๆ นำไปคั้นเอาแต่น้ำเช่นกัน เมื่อได้ส่วนผสมทั้งหมดแล้วให้นำไปผสมรวมกัน จากนั้นนำไปเขย่ารวมกับน้ำแข็งก้อนใหญ่เพียงชั่วครู่ ก็จะได้เครื่องดื่มรสเปรี้ยวอมหวานที่เย็นจับใจ ดื่มได้ทันที.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เด ลินิวส์

10 วิธีการทำบุญแบบฉลาดโดยไม่ต้องสละเงินก็เป็นบุญได้เหมือนกัน


กิจกรรมสันทนาการ หากคุณเป็นนักกิจกรรมเก่ามาก่อน ลองหาเวลาไปทำกิจกรรมสันทนาการกับเด็กๆ ตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม วาดภาพ เล่านิทาน ถือเป็นการให้ความบันเทิงและสาระแก่เด็กๆ ด้อยโอกาส

สันทนา การกับผู้ใหญ่ หากคุณมีความสามารถในการแสดง บันเทิงหรือสาระที่เป็นประโยชน์สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เรือนจำเข้าไปแสดง ได้ จะได้เป็นการช่วยผ่อนคลายความเครียดและความซึมเศร้าอันเกิดจากการถูกจองจำ เพราะใช่แต่ว่าจะมีเด็กเท่านั้นที่ชอบสันทนาการ ผู้ใหญ่ก็ชอบเหมือนกัน

เยี่ยม คนชรา ไม่มีใครที่ไม่แก่ การไปเยี่ยมคนแก่หรือแม้แต่นำอาหารไปเลี้ยงท่านเหล่านั้นที่บ้านพักคนชรา ถือเป็นการทำบุญและเป็นการให้สติตัวเองไปด้วยในตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้สติปัญญาว่าคนเราต้องแก่เฒ่าหน้าเหี่ยวย่น

ครู ข้างถนน เป็นอีก 'บุญ' หนึ่งที่คุณสามารถทำได้ อย่างน้อยก็ช่วยให้เด็กข้างถนนคนหนึ่งมีเพื่อนมีคนที่รับฟังและพร้อมจะเข้า ใจเขา

บริจาคเสียง เป็นบุญอีกวิธีหนึ่ง คือการอ่านหนังสือออกเสียงบันทึกใส่เทปในห้องสมุดเสียง อันนี้เป็นโครงการที่มีอยู่แล้วของมูลนิธิคอลฟิลด์เพื่อคนตาบอด สำหรับคนตาบอดเลือกฟังในห้องสมุดเพื่อคนตาบอด

อาสาสมัครใน วัด หากมีเวลาว่างและอยากบริหารเวลามาใช้ในงานบุญบ้าง ลองหันไปเป็นอาสาสมัครให้กับวัดที่ทำงานพัฒนาให้กับชุมชน เช่นวัดที่ดูแลเลี้ยงเด็กกำพร้า วัดที่ดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือไม่ก็อาสาสมัครไปช่วยงานพัฒนาชุมชน

ทำความดีกับคนรอบ ข้าง พ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลาน มักเป็นบุคคลที่เราละเลยไปโดยไม่ตั้งใจ การหันกลับมาดูแลเอาใจใส่ก็เป็นอีกบุญหนึ่งที่สามารถทำได้ง่าย คนเราเมื่อเจอกันทุกวันมักไม่เห็นคุณค่าของกันและกัน จนวันหนึ่งต้องจากไปนั่นแหละจึงทำดีให้กันในวาระสุดท้าย ทำไมเราไม่ทำดีให้กันตั้งแต่ยังมีลมหายใจอยู่

แนะนำพร่ำสอน ความดีให้กัน คนเป็นพ่อแม่ที่มีความรับผิดชอบก็เป็นบุญอีกวิธีหนึ่ง พ่อแม่ที่ดีคือ พ่อแม่ที่มีเวลาให้ลูกสม่ำเสมอ ดูแลเอาใจใส่ความเป็นไปของลูกๆ อย่างพอเหมาะพอดีไม่ปล่อยทิ้งตามยถากรรมหรือบังคับขู่เข็ญจนเกินเหตุ สอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบ ช่วยเหลือตัวเองได้ มั่นใจในตัวเองดีพร้อมกับสอนให้ลูกได้เรียนรู้เรื่องกตัญญูกตเวที และที่ไม่ควรลืม คือ สอนให้ลูกนึกถึงส่วนรวม รับผิดชอบต่อสังคมและเอื้อเฟื้อแบ่งปันแก่คนรอบข้าง

ตอบแทน ความดี ปรับความเข้าใจ ความดีที่เราได้รับมาจากผู้อื่นเป็นหนี้ความดีที่ค้างชำระ การตอบแทนความดีต่อผู้มีอุปการะ นอกจากจะเป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณแล้วยังเป็นบุญอยู่ในตัวเอง เป็นการสร้างสัมพันธ์ในบุญให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้นระหว่างเรากับเขาผู้อุปการะ และเช่นกันในความขุ่นข้องหมองใจบางอย่างก็เป็นหนี้กรรมค้างชำระได้ การปรับความเข้าใจ เผยความในใจกับคนที่เคยมีเรื่องไม่พอใจกันก็ถือเป็นเรื่องการทำบุญ

เรียน รู้และเข้าใจเขา ให้ความรัก ความเมตตา ความเข้าใจและการยอมรับต่อบุคลผู้ติดเชื้อHIV (มีรายงานล่าสุดว่าขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ HIV 1ล้านคน) รวมทั้งบุคคลที่ได้รับความกดดันจากสังคมในรูปแบบอื่นๆเช่น คนที่เพิ่งออกจากเรือนจำ คนชรา ผู้หญิง เด็ก คนกลุ่มน้อยทางเชื้อชาติ ตลอดจนผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ศาสนาและเรื่องเพศ

หากเราพิจารณาอย่างถ่องแท้จะเห็นว่า 10 วิธีการทำบุญแบบฉลาดนี้ พุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกคนเคยทำแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้ว่านี่คือการทำบุญ เพราะเรามักคุ้นเคยกับการทำบุญแบบเสียเงิน จนคิดว่าการทำบุญมีแต่เฉพาะเรื่องการให้ทาน

ชีวิต น้อยด้วยเหตุ 2 ประการ


ชีวิต เป็นของน้อย.

ชีวิต ได้แก่ อายุ ความตั้งอยู่ ความดำเนินไป ความให้อัตภาพดำเนินไป ความเคลื่อนไหว ความเป็นไป ความเลี้ยง ความเป็นอยู่ ชีวิตินทรีย์.

ชีวิตน้อยโดยเหตุ ๒ ประการ คือ
ชีวิตน้อยเพราะตั้งอยู่น้อย ๑
ชีวิตน้อยเพราะมีกิจน้อย ๑.


ชีวิต น้อยเพราะตั้งอยู่น้อยเป็นอย่างไร?

ชีวิตเป็นอยู่ แล้วในขณะจิตเป็นอดีต ย่อมไม่เป็นอยู่ จักไม่เป็นอยู่.
ชีวิตจักเป็น อยู่ ในขณะจิตเป็นอนาคต ย่อมไม่เป็นอยู่ ไม่เป็นอยู่แล้ว.
ชีวิตย่อม เป็นอยู่ในขณะจิตเป็นปัจจุบัน ไม่เป็นอยู่แล้ว จักไม่เป็นอยู่.


สม จริงดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ชีวิต อัตภาพ สุขและทุกข์ทั้งมวล เป็นธรรมประกอบกันเสมอด้วยจิตดวงเดียว ขณะย่อมเป็นไปพลัน
เทวดาเหล่าใดย่อมตั้งอยู่ตลอดแปดหมื่นสี่พัน กัป เทวดาเหล่านั้น ย่อมไม่เป็นผู้ประกอบด้วยจิตสองดวงดำรงอยู่เลย

ขันธ์ เหล่าใดของสัตว์ผู้ตายหรือของสัตว์ที่เป็นอยู่ในโลกนี้ดับแล้ว
ขันธ์ เหล่านั้นทั้งปวงเทียว เป็นเช่นเดียวกันดับไปแล้ว มิได้สืบเนื่องกัน


ขันธ์เหล่าใด แตกไปแล้วในอดีตเป็นลำดับและขันธ์เหล่าใดแตกไปแล้วในอนาคตเป็นลำดับ
ความ แปลกกันแห่งขันธ์ทั้งหลาย ที่ดับไปในปัจจุบันกับด้วยขันธ์เหล่านั้น ย่อมมิได้มีในลักษณะ

สัตว์ไม่เกิดแล้วด้วยอนาคตขันธ์ ย่อมเป็นอยู่ด้วยปัจจุบันขันธ์

สัตว์โลกตายแล้ว เพราะความแตกแห่งจิต นี้เป็นบัญญัติทางปรมัตถ์
ขันธ์ทั้งหลายแปรไปโดย ฉันทะ ย่อมเป็นไป ดุจน้ำไหลไปตามที่ลุ่ม
ฉะนั้นย่อมเป็นไปตามวาระ อันไม่ขาดสายเพราะอายตนะ ๖ เป็นปัจจัย


ขันธ์ทั้งหลาย แตกแล้ว มิได้ถึงความตั้งอยู่ กองขันธ์มิได้มีในอนาคต
ขันธ์ทั้งหลายที่ เกิดแล้วย่อมตั้งอยู่ เหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาด ตั้งอยู่บนปลายเหล็กแหลม ฉะนั้น

ก็ความแตกแห่งธรรมขันธ์ทั้งหลายที่เกิดแล้วนั้นสกัดอยู่ข้าง หน้าแห่งสัตว์เหล่านั้น
ขันธ์ ทั้งหลายมีความทำลายเป็นปกติ มิได้รวมกับขันธ์ที่เกิดก่อน ย่อมตั้ง อยู่

ขันธ์ทั้งหลายมาโดยไม่ปรากฏ แตกแล้วก็ไปสู่ที่ไม่ปรากฏ ย่อมเกิดขึ้นและเสื่อมไป เหมือนสายฟ้าแลบในอากาศ ฉะนั้น.

ชีวิตน้อย เพราะตั้งอยู่น้อยอย่างนี้.


ชีวิตน้อย เพราะมีกิจน้อยอย่างไร?

ชีวิต เนื่องด้วยลมหายใจออก
ชีวิตเนื่องด้วยลมหายใจเข้า
ชีวิตเนื่องด้วย ลมหายใจออกและลมหายใจเข้า
ชีวิตเนื่องด้วยมหาภูตรูป
ชีวิตเนื่อง ด้วยไออุ่น
ชีวิตเนื่องด้วยอาหารที่กลืนกิน
ชีวิตเนื่องด้วยวิญญาณ.


กรัชกายอันเป็น ที่ตั้งแห่งลมหายใจออกและลมหายใจเข้าเหล่านี้ก็ดี
อวิชชา สังขาร ตัณหา อุปาทาน และภพอันเป็นเหตุเดิม แห่งลมหายใจออกและลมหายใจเข้าเหล่านี้ก็ดี ปัจจัยทั้งหลายก็ดี ตัณหาอันเป็นแดนเกิดก่อนก็ดี
รูปธรรมและอรูปธรรมที่ เกิดร่วมกันแห่งลมหายใจออกและลมหายใจเข้าเหล่านี้ก็ดี
อรูปธรรมที่ประกอบ กันแห่งลมหายใจออกและลมหายใจเข้าเหล่านี้ก็ดี
ขันธ์ที่เกิดร่วมกันแห่ง ลมหายใจออกและลมหายใจเข้าเหล่านี้ก็ดี


ตัณหา อันประกอบกันก็ดีก็มีกำลังทราม
ธรรมเหล่านี้มีกำลังทรามเป็นนิตย์ต่อกัน และกัน มิได้ตั้งมั่นต่อกันและกัน ย่อมยังกันและกันให้ตกไป

เพราะ ความต้านทานมิได้มีแก่กันและกัน ธรรมเหล่านี้จึงไม่ดำรงกันและกันไว้ได้

ธรรมใดให้ธรรมเหล่านี้เกิดแล้ว ธรรมนั้นมิได้มี ก็แต่ธรรมอย่างหนึ่งมิได้เสื่อมไปเพราะธรรมอย่างหนึ่ง ก็ขันธ์เหล่านี้แตกไปเสื่อมไปโดยอาการทั้งปวง


ขันธ์ เหล่านี้อันเหตุปัจจัยมีในก่อนให้เกิดแล้ว แม้เหตุปัจจัยอันเกิดก่อนเหล่าใด เหตุปัจจัยเหล่านั้นก็ตายไปแล้วในก่อน

ขันธ์ ที่เกิดก่อนก็ดี ขันธ์ที่เกิดภายหลังก็ดี มิได้เห็นกันและกันในกาลไหนๆ

ฉะนั้น ชีวิตจึงชื่อว่าเป็นของน้อยเพราะมีกิจน้อยอย่างนี้.


อนึ่ง
เพราะ เทียบชีวิตของเทวดาชั้นจาตุมมหาราชิกา ชีวิตมนุษย์ก็น้อยคือ เล็กน้อยนิดหน่อย เป็นไปชั่วขณะ เป็นไปพลัน เป็นไปชั่วกาลบัดเดี๋ยวเดียว ตั้งอยู่ไม่ช้า ไม่ดำรงอยู่นาน.

เพราะเทียบชีวิตของเทวดาชั้น ดาวดึงส์ ... เพราะเทียบชีวิตของเทวดาชั้นยามา ... เพราะเทียบชีวิตของเทวดาชั้นดุสิต ... เพราะเทียบชีวิตของเทวดาชั้นนิมมานรดี ... เพราะเทียบชีวิตของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี ... เพราะเทียบชีวิตของเทวดาที่เนื่องในหมู่พรหม ชีวิตมนุษย์น้อย
คือ เล็กน้อย นิดหน่อย เป็นไปชั่วขณะ เป็นไปพลัน เป็นไปชั่วกาลบัดเดี๋ยวเดียว ตั้งอยู่ไม่ช้าดำรงอยู่ไม่นาน.

สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อายุของพวกมนุษย์นี้น้อยจำต้องละไปสู่ปรโลก มนุษย์ทั้งหลายจำต้องประสบความตายตามที่รู้กันอยู่แล้ว ควรทำกุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์ ไม่มีมนุษย์ที่เกิดมาแล้วจะไม่ตาย
ดูกรภิกษุทั้ง หลาย ผู้ใดย่อมเป็นอยู่นานผู้นั้นก็เป็นอยู่ได้เพียง ๑๐๐ ปี หรือที่เกินกว่า ๑๐๐ ปี ก็มีน้อย.


พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า

อายุของ พวกมนุษย์น้อย บุรุษผู้ใคร่ความดี พึงดูหมิ่นอายุที่น้อยนี้ พึงรีบประพฤติให้เหมือนคนถูกไฟไหม้ศีรษะ ฉะนั้น เพราะภาวะความ
ตาย จะไม่มาถึงมิได้มี วันคืนย่อมล่วงเลยไป ชีวิตก็กระชั้นเข้าไปสู่ความตาย อายุของสัตว์ทั้งหลาย ย่อมสิ้นไป เหมือนน้ำในแม่น้ำ
น้อยย่อมสิ้นไป ฉะนั้น.

จิตที่ไม่ประมาท


กุศลกรรมทั้งหลายมีความไม่ ประมาทเป็นมูล

วิชชาเป็นหัวหน้าในการยังกุศลกรรม ทั้งหลายให้เกิด ยังกุศลกรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วให้บริบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้น

อวิชชา เป็นหัวหน้าในการยังอกุศลกรรมทั้งหลายให้เกิด ยังอกุศลกรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วให้บริบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้น

ชาวพุทธ ทั้งหลายจงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด

อย่าง ไร จิต จึงจะถือว่า ไม่ประมาท มีสติสัมปชัญญะทุกเมื่อ?

จิต ที่ประมาท คือ จิตที่หลงไปตามความพอใจ ไม่พอใจ มีผลเป็น อวิชชา (โลภะ โทสะ โมหะ) เมื่อเราประมาท อวิชชาที่ถูกสะสมมาก่อนหน้า จะสั่งบุคคลผู้นั้นให้เกิดความพอใจไม่พอใจตอบสนองต่อสิ่งที่เข้ามากระทบ สัมผัส (ผัสสะ) ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (อินทรีย์ ๖) เป็นอัตโนมัติ เรียกว่าติดจนเป็นนิสัย (นิสยปัจจัย) โดยมีรูป รส กลิ่น เสียง และจินตนาการ เป็นจุดเริ่มต้น (อารัมปัจจัย) การหลงไปตามความพอใจ ไม่พอใจนี้ จึงเป็นต้นเหตุของทุกข์ทั้งปวง

การทำจิตให้ไม่ตกอยู่ในความประมาท ก็คือ การไม่หลงไปตามสิ่งที่มากระทบสัมผัส ไม่ให้เกิดความพอใจ ไม่พอใจ จนกลายเป็นหลง การที่จะดับความพอใจไม่พอใจและความหลง ได้นั้นต้องดับด้วยความจริง เพราะความพอใจไม่พอใจเป็นความเห็น ความจริงที่จะนำมาดับความพอใจไม่พอใจได้นั้น คือ ความจริงของโลกและชีวิต กฎธรรมชาติ ๒ กฎ ได้แก่ กฏไตรลักษณ์ และ กฏอิททัปปัจนายตาปกิจจสมุปาท

ใน ทางปฏิบัติ เมื่อตาเห็นรูป ให้นึกคิดพิจารณาตามความเป็นจริงว่า รูปที่เห็น (อายะตนะภายใน) ไม่เที่ยง เกิดขึ้น คงอยู่ และก็ต้องดับไป สิ่งที่เห็น (อายะตนะภายนอก หรือ วัตถุ) ใหม่ เก่า และก็ต้องแตกสลาย พิจารณาเพียงเท่านี้ทุกครั้งให้เท่าทันปัจจุบัน (ปัจจุบันอารม) ความอยากได้วัตถุก็ถึงกาลต้องดับไป (ดับทุกข์ ดับอวิชชา) เมื่อสามารถปฏิบัติได้ตลอด ด้วยความไม่ประมาท ความกำหนัดในวัตถุกาม ก็จะถึงจุดที่ดับไปสิ้นไปในที่สุด

เช่นเดียวกันกับรูป เมื่อหูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส และใจคิดนึก ก็ให้พิจารณาในลักษณะเช่นเดียวกัน การพิจารณาโดยใช้ความจริงไปดับความเห็นนี้ (วิปัสสนา) ดับความพอใจไม่พอใจและความหลงได้ โดยเฉพาะคนที่กำลังเครียดเรื่องงาน เรื่องหนี้สิน ให้พิจารณาว่า ความนึกคิดไม่เที่ยง ติดๆ กัน ๕ นาที ๑๐ นาที ความเครียดจะหายไป ไม่ต้องกินยา กินเหล้า ยังมีกำลังนึกหาทางออก หาทางแก้ไขปัญหาชีวิตได้อีกอย่างสบาย

จิต ที่ไม่ประมาท จึงนับเป็นจิตที่ยิ่งใหญ่ ด้วยประการเช่นนี้

เลือกเกิดให้ดีเถิด (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)


กลัวความเกิดเถิด อย่ากลัวความตายเลย
เพียงหายใจออกแล้ว ไม่หายใจเข้าก็ตายได้สบายๆ แล้ว
แต่สิ้นลมแล้วไปปรากฏขึ้นที่ไหนใน สภาพอย่างไร
นั่นสิควรกลัว ควรกลัวที่สุด

เพราะเมื่อถึงเวลา นั้น
จะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ที่ว่าเลือกเกิดไม่ได้
ก็มิใช่หมาย ความถึง
ชาติหน้าเลือกเกิดใหม่ไม่ได้

ที่เกิดแล้ว จริงที่ว่าเลือกเกิดไม่ได้
ก็เกิดแล้วจะไปเลือกอะไรได้อีก
เหมือน กินยาพิษเข้าไปตายแล้ว
จะไปเลือกกินน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร

แต่ชาติหน้าเลือกได้ทุกคน
ว่า ต้องการรเกิดเป็นอะไร
เกิดที่ไหน
สวยงาม มั่งมี
สูงส่ง หรือน่าเกลียดน่าชัง
ลำบากยากจน
ต่ำต้อยด้วยยชาติตระกูล ฯลฯ


เหล่านี้เลือกได้สำหรับการเกิดชาติต่อไป
จงตั้งใจ เลือกให้ดีได้เป็นไปดังปรารถนาให้ได้เถิด

วันอาสาฬหบูชามาถึงอีก ครั้งหนึ่งแล้ว
พึงถือเป็นวันมหามงคลของชีวิตอีกวันหนึ่ง
ตั้งใจทำ ให้ดี เลือกชีวิตข้างหน้าให้ดี
หัวใจพระพุทธศาสนา ๓ ประการจะช่วยได้
ขอ ให้ทำจริง

การ ไม่ทำบาปอกุศลทั้งปวง
การทำบุญกุศลให้ถึงพร้อม
และการทำใจให้ผ่องใส


ไกลกิเลส โลภ โกรธ หลง ให้ทุกเวลา
อย่าให้ ความคิดปรุงแต่ง
เป็นมือมารดึงเอา กิเลสเครื่องเศร้าหมอง
เข้าสู่ จิตใจ แล้วการเลือกการเกิด
ก็จะสำเร็จงดงามสมปรารถนา

: อาสาฬบูชา ๒๕๔๗
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

ทันตกรรมจัดฟันคืออะไร


ทันตกรรม จัดฟัน คือ สาขาหนึ่งของทันตกรรมซึ่งจะเกี่ยวข้องกับกับการแก้ไขฟันและขากรรไกรที่อยู่ ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง ฟันยื่นและฟันที่ขบกันไม่พอดีจะทำให้ยากต่อการทำความสะอาด และมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันก่อนวัยอันควรเนื่องมาจากฟันผุและโรคเหงือก นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการกดทับต่อกล้ามเนื้อที่ใช้ในการบดเคี้ยวซึ่งสามารถ ทำให้เกิดอาการปวดศรีษะ อาการปวดที่ข้อต่อขากรรไกร คอ ไหล่ และหลังได้ ฟันที่ยื่นหรือไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมก็ยะงทำลายบุคลิกภาพอีกด้วย
ประโยชน์ของทันตกรรมจัดฟัน นั้นรวมถึงสุขภาพปากที่แข็งแรงขึ้น ลักษณะบุคลิกภาพที่น่าพึงใจกว่าเดิม และฟันที่สามารถจะคงทนไปตลอดชีวิต

ผู้เชี่ยวชาญใน สาขานี้เรียกว่า ทันตแพทย์จัดฟัน ซึ่งจะใช้เวลา 2 ปีหรือมากกว่านั้นในการศึกษาในโปรแกรมที่ได้รับการรับรองจาก ADA นอกเหนือจากเวลา 4 ปีในโรงเรียนทันตแพทย์

เราจะทราบได้อย่างไรว่าเราต้องการ ทันตกรรมจัดฟัน

มีเพียงทันตแพทย์หรือทันตแพทย์จัด ฟันเท่านั้นที่จะสามารถตัดสินได้ว่าคุณควร จะจัดฟันหรือไม่ จากการวินิจฉัยด้วยประวัติการรักษาทางการแพทย์และทันตกรรมการตรวจในคลินิค แบบพิมพ์ฟันของคุณและภาพเอ็กซเรย์

คุณอาจต้องรับการจัดฟันถ้าคุณมีปัญหาต่อไป นี้:

Overbite - ฟันบนยื่นออกมาข้างหน้ามาก

Under bite - ฟันล่างยื่นออกมาข้างหน้ามาก

Crossbite – ฟันบนไม่สามารถขบได้พอดีกับฟันล่าง มีลักษณะขบแบบไขว้

Open bite – เมื่อขบฟันและแล้วมีช่องว่างเปิด ระหว่างฟันบนกับฟันล่าง

Misplaced Midline – จุดศูนย์กลางของฟันบนไม่ตรงกับฟันล่าง

Spacing – มีช่องว่างระหว่างฟันอันเกิดจากฟันหลุดหรือฟันที่ขึ้นไม่เต็ม

Crowding – ฟันที่ขึ้นมามากเกินไปจนเกทับกัน

การรักษาด้วยทันต กรรมจัดฟันเป็นอย่างไร

การรักษาด้วยทันตกรรมจัดฟัน มีหลายวิธีที่จะช่วยในการจัดฟัน จัดระเบียบกล้ามเนื้อและขากรรไกร โดยมีทั้งที่เป็นแบบติดถาวรและแบบถอดออกได้ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะทำการดัดฟันและขากรรไกรแบบนุ่มนวล ความรุนแรงของปัญหาของคุณจะเป็นตัวตัดสินว่าวิธีการจัดฟันแบบใดที่จะมี ประสิทธิภาพมากที่สุด

เครื่องมือจัดฟันแบบติดถาวร:

เหล็กดัดฟัน-เป็นวิธีการที่พบมากที่สุด ประกอบด้วยยาง ลวด และ/หรือเหล็ก โดยยางจะติดรอบฟันโดยใช้เป็นตัวยึดของอุปกรณ์ ส่วนเหล็กจะถูกเชื่อมติดกับด้านหน้าของฟัน เส้นลวดจะถูกร้อยผ่านแต่ละเหล็กและยึดติดกับยาง การดึงลวดให้ตึงขึ้นจะเป็นการเพิ่มแรงดึงที่ตัวฟัน และค่อย ๆ เคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม เหล็กดัดฟันจะมีการปรับทุกๆ เดือนเพื่อให้เกิดผลที่ต้องการ ซึ่งเวลาที่ใช้ในการจัดฟันอาจเริ่มตั้งแต่ 2-3 เดือน จนถึง 2-3 ปี ปัจจุบันนี้ เหล็กจัดฟันมีขนาดเล็กลง เบาลง และดูไม่เป็นโลหะเหมือนในอดีต นอกจากนี้ยังมีสีสันสดใสสำหรับเด็ก และแบบใสที่ผู้ใหญ่นิยมใช้อีกด้วย

อุปกรณ์ติดถาวรแบบพิเศษ - สำหรับใช้ควบคุมการดูดนิ้ว หรือการใช้ลิ้นดัน โดยอุปกรณ์ชนิดนี้จะถูกติดกับฟันด้วยยาง เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่สะดวกสบาย จึงมักจะใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย

อุปกรณ์รักษาช่องว่างของฟันแบบถาวร - กรณีที่ฟันน้ำนมหลุดป็นการถาวร อุปกรณ์รักษาช่องว่างจะถูกใช้จนกว่าฟันแท้จะขึ้น โดนจะใส่ยางติดกับฟันซี่ถัดจากช่องว่างด้านหนึ่ง และลวดจะต่อเข้ากับฟันซี่ถัดจากช่องว่างอีกด้านหนึ่ง

ขอขอบคุณ ข้อมูลดีๆ จากColgate World of Care

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

ทึ่ง ดช. 15 ปีสุดอัจฉิรยะ ไม่เคยเข้าร.ร. เข้า"แคมบริดจ์"ได้ เป็นนศ.อายุน้อยสุดใน200 ปี



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ด.ช.อาร์แรน เฟอร์นานเดซ วัย 15 ปี ซึ่งไม่เคยเข้าโรงเรียน

แต่เรียนหนังสือด้วยตัวเองโดยมีพ่อเป็นผู้ช่วยสอน จะได้สิทธิเรียนวิชาสาขาด้านคณิตศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยเคมบริจด์ ในเดือนหน้า โดยเขานับเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังก้องโลกดังกล่าว นับตั้งแต่ปี 1773 ภายหลังสอบได้ประกาศนียบัตรขั้นมัธยมด้วยเกรดชั้นเยี่ยม ทำให้มหาวิทยาลัยเสนอสถานที่เรียนให้ และถือเป็นนักศึกษาแคมบริดจ์อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ปี 1773

รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ ด.ช.อาร์แรน ซึ่งอายุ 14 ปี ได้ถูกมหาวิทยาลัยชื่อดังเสนอที่เรียน หลังจากเขาสามารถสอบได้เกรดเอในภาควิชาฟิสิกส์

โดย เมื่อปีที่แล้ว เขายังได้เกรดเอในวิชาคณิตศาสตร์ด้วย โดยมหาวิทยาลัยยังได้เสนอให้เขาเรียนภาควิชาอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ด้วย หลังจากที่เขายังสามารถได้เกรดเอในการสอบภาควิชาวรรณกรรมอังกฤษและฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา นอก จากนี้ เขายังเป็นบุคคลรายแรกที่สามารถสอบได้ประกาศนียบัตรชั้นมัธยมในวัยเพียง 5 ขวบ สามารถเอาชนะสถิติของน.ส.รูท ลอวเรนซ์ ซึ่งสอบได้ในวัย 9 ปี

ด้านอาร์เรน เปิดเผยว่า เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้

และเขาไม่ค่อยได้สนใจในเรื่องเป็นนักศึกษาประวัติศาสตร์มากเท่า ไหร่ และสำหรับเรื่องธรรมเนียมเทศกาลดื่มรับ น้องใหม่ของมหาวิทยาลัยนั้น เขาไม่มีสิทธิเข้าร่วม แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากมาย โดยกล่าวว่า แม้เขาจะอายุ 18 ปี ก็ไม่ได้คิดจะเป็นนักดื่มอยู่แล้ว และว่า ในอนาคต เขาคิดจะมีอาชีพเป็นนักวิจัยด้านคณิตศาสตร์



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติ ชน

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

น้ำทับทิม’ ป้องกันสมองเสื่อม


‘มุมสุขภาพ-กินดี’ สรรหาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาปิดท้ายให้เข้าธีมของสัปดาห์ที่ว่ากันถึง ‘อาการสมองเสื่อม’ ซึ่งสามารถป้องกันด้วย ‘ทับทิม’ ผลไม้มากคุณค่า สีสันสวยงาม โดยคุณพล ตัณฑเสถียร ฟู้ดสไตลิสต์คนดัง สร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มแก้วเก๋ ชื่อ ‘Red Shooter’…

ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณป้องกัน อาการหลง ๆ ลืม ๆ ทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณ ในส่วนของเมล็ดยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระตัวการก่อมะเร็ง

นอก จากทับทิมแล้ว เครื่องดื่มแก้วนี้ยังต้องการส่วนผสมเพื่อเพิ่มคุณค่าเข้าไปอีก มีทั้งแตงโม มะนาว ส้ม และสับปะรด ที่เปี่ยมไปด้วยวิตามินซี ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และทำให้แผลหายเร็วอีกด้วย

สรุปส่วน ผสมที่ต้องเตรียม คือ....
  • ทับทิม
  • แตงโม
  • มะนาว
  • ส้ม
  • สับปะรด


ขั้นตอนในการทำ เริ่มจากการแกะเมล็ดทับทิมออกจากผล แล้วใส่รวมกันในผ้าขาวบาง บีบคั้นเอาแต่น้ำ ส่วนผลไม้ชนิดอื่นๆ นำไปคั้นเอาแต่น้ำเช่นกัน เมื่อได้ส่วนผสมทั้งหมดแล้วให้นำไปผสมรวมกัน จากนั้นนำไปเขย่ารวมกับน้ำแข็งก้อนใหญ่เพียงชั่วครู่ ก็จะได้เครื่องดื่มรสเปรี้ยวอมหวานที่เย็นจับใจ ดื่มได้ทันที.

แนะวิธีแก้เผ็ด


ไม่ได้กำลังแนะนำให้คุณโต้ตอบ ใครที่เขาทำให้คุณเจ็บใจหรอกนะ
แต่หมายถึงวิธีแก้ความเผ็ดเวลาที่คุณเผลอกินพริก เม็ดจิ๋ว แต่เผ็ดร้อนแรงยิ่งนักต่างหาก
ความ เชื่อเก่า: ดื่มน้ำเย็นตามทันที เพื่อหวังดับความเผ็ดร้อน ก่อนจะพ่นไฟเป็นมังกร

ผลที่ได้: ไม่ได้ช่วยให้คุณหายเผ็ด แต่กลับกลายเป็นว่า
การดื่มน้ำจะยิ่งไปกระจายความเผ็ดให้ทั่วปากมากขึ้นแทน

หนทางแก้เผ็ด
  1. รับประทานข้าว ขนมปัง หรือจะดื่มนม จากนั้นค่อยอมลูกอมก็ได้ เพราะความหวานในอาหาร เครื่องดื่ม หรือลูกอมเหล่านี้ จะช่วยดูดซับสารแคปไซซิน(Capsaicin) ที่เป็นตัวการให้เกิดความเผ็ดร้อน เมื่อลิ้นหรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไปสัมผัสเจ้าพริกเม็ดจิ๋วเข้า
  2. ดื่มน้ำมะนาว หรือน้ำมะเขือเทศสดๆ จะช่วยแก้เผ็ดได้เพราะกรดจะไปทำปฏิกิริยากับสารดังกล่าว ซึ่งเป็นด่าง ทำให้ความเผ็ดแผลงอิทธิฤทธิ์น้อยลง
ที่มา: นิตยสาร Lisa vol.5 no.30